Day วานนี้ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวแตะระดับแนวต้าน ที่ให้ไว้ 61.291-60.842 ก่อนปรับตัวร่วงลง (ตามคาด) ตามสัญญาณ Hamonic Gartley PTTN ราคาปรับตัวร่วงลง แต่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์บริเวณแนวรับ Demand H4+ FVG Gap โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลอปทานล้นตลาดโลก
WTI วันศุกร์ ปิดที่ $ 59.60 ต่อบาร์เรล ลดลง 1.59 %
ความกังวลเรื่องอุปทานน้ํามันล้นตลาดยังคงอยู่…. ปัจจัยกดดันน้ำมัน
- ราคาน้ํามันยังคงอยู่ในภาวะกดดัน เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดที่อาจเกิดขึ้นในปี 2026 โดยเฉพาะหลังจากที่องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ํามันและพันธมิตร (OPEC+) เพิ่มกําลังการผลิตหลายครั้งในปีนี้
- OPEC+ กล่าวเมื่อวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะเพิ่มการผลิต 137,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนธันวาคม และจะหยุดการเพิ่มการผลิตในไตรมาสแรกของปี 2026
- การประกาศดังกล่าวช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดน้ํามันได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจาก OPEC+ ได้เพิ่มการผลิตไปแล้วเกือบ 3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2025 สิ่งนี้ประกอบกับการผลิตและการส่งออกที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสําคัญที่ทําให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
EIA Report วานนี้รายงานสวนกลับ API คาดอุปทานล้น เกินอุปสงค์…. ปัจจัยกดดันน้ำมัน
- 5 พ.ย. ปริมาณสำรองน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 5.202 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ที่ลดลงประมาณ –2.5 ล้านบาร์เรล การเพิ่มขึ้นของสต็อกถือเป็นสัญญาณเชิงลบต่อเยื่ออุปสงค์ (demand) หรือว่าอุปทาน (supply) เริ่มล้นตลาด
- การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ทำระดับ “สูงสุดเป็นประวัติการณ์” สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด 31 ต.ค. โดยอยู่ที่ประมาณ 13.651 ล้านบาร์เรล/วัน หากอุปสงค์ไม่เพิ่มตาม อาจเกิดแรงกดดันต่อน้ำมัน
- ผลิตภัณฑ์น้ำมันใช้งาน (เช่น เบนซิน) มีการลดลงของสต็อกบางส่วน เช่น สต็อกเบนซินลดลง ~4.7 ล้านบาร์เรล สะท้อนว่าอาจมีการใช้หรือส่งออกเพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์น้ำมัน แต่การเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบกลับสวนทาง ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนในภาพรวม
ราคาน้ํามันยังได้รับแรงกดดันจากความแข็งแกร่งของดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา … กดดันราคาน้ำมัน
- นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสประมาณ 70% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps ในเดือนธันวาคม ซึ่งลดลงจากประมาณ 94% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์ กดดันทองคำ
- และนอกจากนี้ยังเป็นแรงเทขายหุ้นเพื่อถือครอง USD(DXY) ตาคคำเตือนธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่งใน USD ซึ่งอาจเห้น หุ้น AI ฟองสยู่ในเร็ววันนี้
- โจนาธาน ครินสกี (Jonathan Krinsky) นักวิเคราะห์จาก BTIG เตือนว่า ดัชนี S&P 500 อาจเผชิญการปรับฐานมากกว่านี้ โดยสัญญาณทางเทคนิคหลายประการบ่งชี้ว่าตลาดอาจเผชิญแรงขายเพิ่มเติมก่อนเริ่มฟื้นตัว พร้อมชี้ว่า “ช่วงหลังเราย้ำเตือนต่อความเสี่ยงด้านขาลงของตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยชี้ถึงการพุ่งขึ้นเกินจริงของตัวชี้วัดทางเทคนิค ความแตกต่างของความกว้างตลาด (breadth divergence) ที่ชัดเจน และภาวะความมั่นใจเกินไปของนักลงทุน ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนผสมที่เสี่ยงอย่างยิ่ง”
สถานะการณ์ Government Shutdown ที่ยังคงต่อเนื่องและไร้วี่แวว่าจะหยุด ส่งผลตอความต้องการน้ำมันภายในประเทศ ลดลง …. ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
- กระทรวง Transport ของสหรัฐฯ วางแผนที่จะเริ่มลดเที่ยวบินตั้งแต่วันศุกร์ โดยลดลงสูงสุดถึง 10% ที่สนามบินที่มีปริมาณการจราจรสูง 40 แห่ง ท่ามกลางความกังวลด้านความปลอดภัยที่เกิดจากการขาดแคลนผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง Transportation ฌอน ดัฟฟี่ กล่าวเมื่อวันพุธ
- แผนการลดเที่ยวบินเกิดขึ้นขณะที่การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่วันที่ 36 ติดต่อกัน ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของรัฐบาลในหลายพื้นที่ของประเทศ ผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศประมาณ 13,000 คนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านการขนส่ง 50,000 คนต้องทํางานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล
- เที่ยวบินหลายหมื่นเที่ยวล่าช้านับตั้งแต่การปิดหน่วยงานรัฐบาลเริ่มขึ้น ขณะที่การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ TSA ยังทําให้เกิดความแออัดที่สนามบินหลัก
- การลดจํานวนเที่ยวบินชี้ให้เห็นถึงความต้องการเชื้อเพลิงที่อ่อนแอลงในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการปิดหน่วยงานรัฐบาลยังไม่มีสัญญาณว่าจะสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้
H4/H1 ราคายังคงเคลือ่นไหวออกข้างวานนี้พยายามขึ้นมาทดสอบ แนวต้าน 4044-4021 ที่ไห้ไว้ และปรับตัวร่วงลง (ตามคาด)ในรูปแบบ Gartley Hamonic Prrn ราคากลับมาบริเวณแนวรับ 59.725-59.114 ซึ่งเป็นระดับ Demand H 4+ FVG Day เช้านี้เริ่มปรากฎการ Rebound ขึ้นของราคา
คำแนะนำ
- เปิดสถานขาย (รอสัญญาณขาย) ที่กรอบ 59.781-59.959 SL59.500เพื่อทำกำไร 59.607/59.500/59.418/59.327/59.204/59.130/59.044
แนวรับ 59.044/58.753/58.450
แนวต้าน 59.951/60.910/62.420


Leave a Reply