Week โครงสร้างยังคงเป็นเทรนด์ขาลง ราคาเคลื่อนที่ใน Channel Down Trend แม้ว่าจะมีการ Rebound ขึ้นในช่วง พฤหัส-ศุกร์ หลังจากลงมาทดสอบบริเวณ แนวรับ Demand H4 ปิดจบแท่ง Bearish Marubozo with short tails ยังคงมีแรงขายอย่างต่อเนื่อง
Day โครงสร้างเทรนด์ขาลง ศุกร์ที่ผ่านมาราคาพยายามทรงตัวในช่วงเช้าที่กรอบ Demand H1 และดีดตัวขึ้นทันทีที่ประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non Farm) ซึ่งออกมาดีเกินคาด 177K แต่ยังคงเป็นการขึ้นที่มีจำกัด ราคาปรับตัวร่วงลงมาระดับ 57.455 ทันทีในช่วงที่ตลาดดัชนีเปิด
เปิดตลาดเช้านี้ ราคาน้ำมันปรับตัวร่วงอย่างต่อเนือง จากปัจจัยข่าวที่เป็นลบ ในช่วงคืนทีผ่านมา (Sell the news) ทั้งจากการเลื่อนการประชุมของกลุ่ม OPEC+ เป็นวันที่ 3 พ.ค.และทรัมป์แถลงอาจปรับภาษีเพิ่มเติม
สัญญา West Texas Intermediate (WTI) งวดส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดที่ $58.29 ต่อบาร์เรล ลดลงที่ 1.60%
OPEC+ เลื่อนประชุม วันเสาร์ที่ 3 พ.ค. (แทนวันที่ 5 พ.ค) …. คาดอุปทานน้ำมันล้นตลาด
- OPEC8+ ตัดสินใจเพิ่มการผลิตขึ้น 411,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน มิ.ย. และอาจเพิ่มอีก 411,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. หลังจากมี่มีปัญหาความขัดแย้งในกลุ่มเรื่อง โควต้าการผลิตที่น้อยในประเทศ แอฟริกา ที่เรียกร้องการผลิตสูงขึ้นในเดือน มิ.ย. ตลอดจนทบทวนข้อตกลงลดการผลิตที่ประกาศไว้เพื่อปรับเข้าสู่แนวโน้มอุปสงค์น้ำมันโลก(ที่น้อยลง) รวมถึงความเสียงจากอุปสงค์ของจีนและยุโรป
- ธนาคารระดับใหญ่ของโลก Goldmans Sac ระบุ หาก OPEC+ ยกเลิกการลดกำลังการผลิตทั้งหมด(กลับมาผลิตมากขึ้น) 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ราคาน้ำมัน WTI อาจลดลงเหลือช่วงสูงของ $40 ภายในสิ้นปี 2026
ทรัมป์กล่าว”อาจมีการกำหนดภาษีอีกครั้งสำหรับประเทศที่ไม่บรรลุข้อตกลงการค้า”… อุปสงค์ความต้องการน้ำมันลดลง
- 5 พ.ค. ทรัมป์ กล่าว “ไม่มีแผนที่คุยโดยตรง กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน” แต่จะปล่อยให้ เจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ อีกทั้งยังคาด “ข้อตกลงบางส่วนน่าจะบรรลุผลและจะประกาศในสัปดาห์นี้” แต่ ยังมีอีกหลายประเทศที่ “ไม่บรรลุข้อตกลง” ซึ่งอาจจะต้อเงรียก”กำหนดภาษี”สำหรับประเทศเหล่านี้ก่อน ครบ 90 วัน
– สหรัฐ – จีน, ยังไม่คืบหน้าในการเจรจาที่ชัดเจน
– สหรัฐ – EU, ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา : ทรัมป์ขู่เพิ่มภาษีในอุตสาหกรรมยานยนต์ & EU เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 25% หากไม่คืบหน้าการเจรจา
– สหรัฐ – บราซิล , ไม่มีการเจรจา บราซิลยืนฟ้องต่อ WTO (การค้าโลก) & สหรัฐกำหนดภาษี 10% จากสินค้าในบราซิล โดยเฉพาะอะลูมิเนียมและเหล็ก
– สหรัฐ- โคลอมเบีย ,เจรจาแล้วแต่ไม่บรรลุผล สหรัฐกำหนดภาษี 25% และอาจเพิมเป็น 50% (อ้างข้อพิพาทการส่งกลับผู้ลี้ภัย) & โคลอมเบียเตรียมตอบโต้กลับด้วยภาษีที่เท่ากัน
– สหรัฐ – แอฟริกา : ยังไม่มีการเจรจา สหรัฐเตรียมกำหนดภาษีใหม่ต่อเหล็กและอะลูมิเนียม & แอฟริกามองหาตลาดส่งออกใหม่ในเอเซียและยุโรป - การเจรจาการค้า ญี่ปุน-สหรัฐ ยังคงไม่บรรลุข้อตกลง สหรัฐยืนกรานที่จะรักษาภาษีนำเข้าสูงถึง 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่น รวมถึงภาษี 24% สำหรับสินค้าอื่น ๆ เช่น เหล็กและอลูมิเนียม แม้ว่าญี่ปุ่นเสนอแนวทางจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น และ ทบทวนอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี Non Tariff Barriers ตามที่สหรัฐเคยให้ไว้ แต่ยังไม่มีทีท่าได้ข้อสรุป ขณะที่ญีุ่่ปุ่นยังคงถือไพ่การเจรจาที่เหนือกว่าจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (ที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ถือครองรายใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่า $1.13 ล้านล้าน) ซึ่งหากญี่ปุ่นเทขายพันธบัตรสหรัฐจริง จะส่งผลให้ค่าเงิน USD ร่วงลงอย่างหนัก ,อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรจะพุ่งสูงขึ้น สหรัฐจำเป็นต้องหาเงินมหาศาลเพื่อจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ขายพันธบัตรครั้งหน้า (เพิ่มหนี้เสีย)
ตลาดยังคงรอการเจรจากทางการค้า สหรัฐ – จีน… หากมีการเจรจา จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน
- ขณะที่สหรัฐยอมรับยังไม่มีแผนการเจรจากับ สี จิ้นผิง ในขณะที่จีนเอง ยังคง”ประเมิน” ข้อเสนอจากสหรัฐฯ ในการเริ่มต้นการเจรจาการค้า โดยกระทรวงพาณิชย์ของจีนเน้นย้ำว่าการเจรจาใด ๆ จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ และเตือนสหรัฐฯ ว่าไม่ควรใช้วิธีการบีบบังคับ ในขณะที่จีนเองก็ลดความตึงเครียดทางการค้าด้วยการเริมยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการจากสหรัฐ
- ในขณะที่ สิ จิ้น ผิง มีแผนเดินทางไปรัสเซีย 7-10 พ.ค. เพื่อเช้าร่วมในวัน Victory Day อีกทัง้ยังมีความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี
การเจรจา นิวเคลียร์ สหรัฐ-อิหร่าน ครั้งที่ 4 ล่ม … มาตราการคว่ำบาตรอิหร่านปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน
- การเจรจารอบที่ 4 ระหว่างสหรัฐ- อิหร่าน ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นที่อิตาลี ถูกอิหร่านเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากไม่พอใจที่สหรัฐฯที่ประกาศคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่ออิหร่าน รวมถึงการข่มขู่ตอบโต้ทางทหารหากอิหร่านยังคงสนับสนุนกลุ่มฮูตีในเยเมน แต่อิหร่านยังคงเปิดช่องให้มีการเจรจาโดยอ้อมผ่านตัวกลางโดย สรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมัน จากความไม่สงบในตะวันออกกลาง (ปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน)
- อิสราเอล – ฮามาส : •อิสราเอลเตรียมระดมกำลังทหารสำรองหลายหมื่นนายเพื่อขยายปฏิบัติการในฉนวนกาซา หลังจากการเจรจาหยุดยิงล้มเหลว
- อินเดีย – ปากีสถาน : •ปากีสถานได้ทดสอบขีปนาวุธพื้นสู่พื้น “Abdali” ซึ่งมีพิสัย 450 กิโลเมตร อินเดียตอบโต้ด้วยการสั่งห้ามนำเข้าสินค้าจากปากีสถาน และมีรายงานว่ามีการปะทะกันตามแนวชายแดน
- ฮูติ- อิสลาเอล- สหรัฐ : 4 พ.ค. กลุ่มฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธที่ตกใกล้สนามบินเบนกูเรียนในเทลอาวีฟ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 6 ราย และเที่ยวบินถูกระงับชั่วคราว
H4 /H1 โครงสร้างเทรนด์ขาลง ราคา Rebound ขึ้นในช่วงวันศุกร์ ก่อนมีแรงเทขายเปิดตลาดเช้าวันนี้ ปรากฎสัญญาณการกลับตัว Bullish Divergence H4-H1 คาดราน้ำมันย่อเพื่อปรับขึ้นในระยะสั้น
แนะนำ
- เปิดสถานะซื้อ (รอสัญญาณซื้อ) ที่กรอบ 56.378- 55.752 / SL 55.000 เพื่อทำกำไร 56.827/57.195/ 57.790/58.214//58.753
แนวรับ 56.090/55.270/54.214
แนวต้าน 58.044/58.943/59.873

ปฎฺิทินข่าว 5 พ.ค. 2568

บทวิเคราะห์ข่าว
- ติดตามประกาศตัวเลข PMI – ภาคบริการ วันนี้เวลา 9.00 pm คาดการณ์ออกมาน้อยกว่าเดือนทีแล้ว หากตัวเลขออกมาน้อยกว่าคาด ส่งผลให้ภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัว ส่งผลต่ออุปสงค์ความต้องการน้ำมันที่น้อยลงเช่นกัน แต่หากตัวเลขออกมามากกว่าเดือนที่แล้วมุมมองบวกเศรษฐกิจอเมริกาจะส่งผลบวกต่อความต้องการใช้น้ำมันเข่นกัน
Leave a Reply