Month โครงสร้างรายเดือน เป็นเทรนด์ขาลง ราคาเคลื่อนที่ในกรอบ Channel Down Trend ราคาปรับตัวร่วงลงมาอยู่บริเวณกรอบล่าง และดีดกลับขึ้นไป ปิดจบแท่ง Bullish Spinning Top Candle stick
Week โครงสร้างรายสัปดาห์เป็นเทรดน์ขาลง ราคาทรงตัวออกข้างเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ปิดจบแท่งรายสัปดาห์ Bearish Spinning Top Candle stick
Day โครงสร้างยังคงเป็นเทรดนขาลง ศุกร์ที่ผ่านมาราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ตลอดทั้งสัปดาห์บริเวณกรอบบน Channel Downtrend ปิดจบแท่งรายวัน Dojo Bearish ก่อนจะมี Gap Price ในช่วงเช้าทันที่ที่ตลาดเปิด หากโครงสร้างเทรนด์ขาลงโดนทำลาย ราคาต้องยืนเหนือ Choch Day 65.409 ให้ได้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ WTI งวดส่งมอบเดือน ก.ค. ปิดที่ 60.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อาร์เรล ลดลง 0.25%
ราคาปรับตัวลดลงในวันศุกร์ สืบเนื่องจาก OPEC+ จะมีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนก.ค. สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในระดับ 411,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) วันนี้ราคาดีดตัวขึั้นแรงเนื่องจากการอ่อนค่าของ USD หลัง ทรัมป์ สร้างสงครามการค้าฉบับใหม่จากการขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม
ทรัมปประกาศขึ้นภาษี เหล็ก-อะลูมิเนียม เป็น 50 %... กดดัน USD(DXY) ปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันระยะสั้น
- 31 พ.ค. ทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษี เหล็ก- อะลูมิเนียม จาก 25% เป็น 50%โดยเริ่ม 4 มิ.ย. 2025 เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ (ส่งผลต่ออาหารกระป่อง)
- สหภาพยุโรป EU กล่าว การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็น “บ่อนทำลาย”ความพยายามในการเจรจากสงครามการค้า และพร้อมตอบโต้มาตราการค้าต่อการขึ้นภาษีดังกล่าว
- Wallstreet เตือน มาตรการภาษีสำหรับนักลงทุนต่างชาติในร่างกฎหมายงบประมาณสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณาในสภาคองเกรส (OBBB) อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้อนุมัติร่างกฎหมายภาษีและการใช้งบประมาณ และจะจัดเก็บภาษีแบบก้าวหน้า สูงสุดถึง 20% สำหรับรายได้ passive income ของนักลงทุนต่างชาติ เช่น เงินปันผลและดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนไม่ลงทุนในพันธบัตรสหรัฐเลยแต่ย้ายไปยังประเทศที่ต้นทุนกต่ำกว่า
- ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า นโยบายภาษีทรัมป์ สร้างความเสียหายให้กับบริษัทต่างๆ มากกว่า 34,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งจากยอดขายที่หายไป และต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ทั้ง Apple, Ford, Porsche และ Sony ต่างต้องปรับลดหรือระงับคาดการณ์กำไร และไม่สามารถประมาณการต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
ทรัมป์นัดคุยสิจิ้นผิง ในสัปดาห์นี้ … ปัจจัยบวกต่อราคาน้ำม้น
- ภายหลัง Kevin Hassett ที่ปรีกษาธรรมเนียบขาว (นักเศรษฐศาสตร์) ออกมากขี้แจง ทั้ง ทรัมป์ และ สีจิ้นผิง จะมีการพบปะพูดคุยกันในสัปดาห์นี้ และคาดว่า จะมีการเจรจาเรื่อง ข้อกำหนดใน 90 วัน + การควบคุมการส่งออกชิปไปจีนและ การ จำกัดส่งออกแร่ Rare Earth อีกด้วย ในขณะ
- 29 พ.ค. สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน “หยุดชะงักเล็กน้อย” และระบุว่าการมีส่วนร่วมโดยตรงระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อาจจำเป็นเพื่อขับเคลื่อนการเจรจาให้ก้าวหน้า ทั้งนี้ยังคงไม่มีการเจรจาใดๆเพิ่มเติมหลังจากที่ได้ข้อสรุป ในวันที่ 14 พ.ค. สหรัฐลดภาษีสินค้าจากจีนเหลือ 30% ,จีนลดภาษีสินค้าสหรัฐ เหลือ 10% ซึง่จะเริ่มต้นหลังวันที่ 14 พ.ค. อีก 90 วัน
- 30 พ.ค. ทรัมป์ กล่าวว่าจีน “ละเมิดข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับสหรัฐฯ อย่างสิ้นเชิง” และระบุว่าจะดำเนินการตอบโต้ โดยทรัมป์โพสต์ในโซเชียลมีเดียพร้อมระบุว่า “แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าคนดีได้ยังไง! โดยจีนผิดสัญญาที่จะระงับการขึ้นภาษีตอบโต้ระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งนี้จีนให้ความเห็นว่า สหรัฐ ยังคงควบคุมการส่งออกชิป และเทคโนโลยีไปจีน ซึ่งถือเป็นการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม
OPEC+ ตัดสินใจเพิ่มการผลิต วันละ 411,000 ต่อเนื่องในเดือน ก.ค. … กดดันราคาน้ำมัน
- กลุ่ม OPEC+ ตัดสินใน เพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มการผลิตติตต่อกันเป็นเดือนที่ 3 หลังจากเริ่มทยอยยกเลิกมาตรการลดการผลิตโดยสมัครใจที่มีผลมาตั้งแต่ปี 2022 โดยการเพิ่มกำลังการผลิตนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกเลิกการลดการผลิตโดยสมัครใจรวม 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเริ่มต้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลของการเพิ่มกำลังการผลิต 1.ฟื้นฟูส่วนแบ่งตลาด (โดยเฉพาะสหรัฐ) / ลงโทษสมาชิกที่ผลิตเกินโควต้า /ตอบสนองความต้องการทีคาดว่าจะเพิ่มในฤดูร้อนนี้
- Goldman Sachs คาดว่า OPEC+ อาจเพิ่มการผลิตอีก 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม และหลังจากนั้นอาจคงระดับการผลิตไว้ เนื่องจากคาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว และมีการเพิ่มการผลิตจากประเทศนอกกลุ่ม OPEC
H4 /H1 : ราคาน้ำมันยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ Sideway ศุกร์ทีผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นและลงในกรอบไซด์เวย์ (ตามคาด) ราคาร่วลงติดแนวรับ Demand H4 ก่อนเปิด Gap ดีดขึ้นในช่วงเช้า แต่ยังคงคาดอยูในกรอบไซด์เวย์ใหญ่ ระหว่าง Supply H4 (QM Zone) และ Demand Day
แนะนำ
- เปิดสถานขะขาย (รอสัญญาณขาย)ที่กรอบ 62.777-62.212 / SL 63.200 เพื่อทำกำไรระยะสั้น 62.092/61.850/61.592/61.291
- เปิดสถานะซื้อ (รอสัญญาณซื้อ)ที่กรอบ 60.903-61.307 / SL 60.300 เพื่อทำกำไรที่ 61.592/61.850/62.092/63.000
แนวรับ 60.048/58.976/57.703
แนวต้าน 62.780/63.520/63.980

ปฎิทินเศรษฐกิจ 2 มิ.ย.2568

บทวิเคราะห์ข่าว
- ติดตามตัวเลข PMI – ภาคการผลิตในคืนนี้ หากตัวเลขออกมา > 50.00 จะเป็นผลบวกต่อ USD และราคาน้ำมัน
Leave a Reply