Day โครงสร้างเทรนด์ขาขึ้น วานนี้ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพียงแค่ 800 จุด ปิดแทง Bearish Pin Bar บริเวณแนวตัวกรอบ Channel Uptrend Day ทั้งนี้หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขีดเส้นตาย 50 วัน เพื่อให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร ที่คาดว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ารัสเซีย 100% หากพ้นเส้นตายดังกล่าว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดตลาดที่ 66.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 0.7% จากวันก่อนหน้า
CPI y/y เงินเฟ้อสหรัฐ แย่เกินคาด อาจส่งผลให้ Fed ยังคงดอกเบี้ย… ปัจจัยบวกต่อ USD กดดันราคาน้ำมัน
- 16 ก.ค. ประกาศตัวเลข CPI y/y (เงินเฟ้อ) ออกมาที่ 2.7% (คาดการณ์ 2.6 ก่อนหน้า 2.4%) สะท้อนเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในขณะที่ Core CPI m/m (ดัชนีผู้บริโภค ไม่รวม อาหารและพลังงาน) ออกมา 0.2% ซึ่งสูงกว่าเดือนที่แล้ว(0.1%) เล็กน้อย (ราคารถยนต์ ค่าตั๋วเครื่องยิน และค่าที่พัก ลดลง) นักลงทุนคาดาการณ์ ปัจจัยดังกล่าวเป็นเหตุผลให้ Fed ยังคงตัดสินใจ “คงดอกเบี้ย” ต่อไปในระยะยาว ซึ่งส่งผลดีต่อ USD และกดดันราคาน้ำมัน
- 15 ก.ค. ทันที่คาดาการณ์ Fed คงดอกเบี้ย ทรัมป์ ออกมาวิจารณ์ Fed อย่างแข็งกร้าว ว่าเฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยทันที 3% โดยอ้างว่าเงินเฟ้อต่ำ (Low inflation) พร้อมระบุว่า เจอโรม พาวเวล์ เป็น “knucklehead” นอกจากนี้ยังใช้ เหตุการณ์ที่เจอโรม ให้การต่อ วุฒิสภา ในเรื่องการเบิกงบเพื่อปรับปรุงสำนักงานเฟด มีค่าใช้จ่ายที่บานปลาย เรียกว่า “การกระทำผิด” เรียกร้องให้เฟด ลาออก และจะดำเนินการฟ้องให้ เฟด ลาออก เนื่องจากกระทำผิดวินัยร้ายแรง
- ทรัมป์ กล่าวเริ่มขบวนการสรรหา ประธาน Fed คนใหม่ เริ่มต้นขึ้นแล้ว และปฎิเสธ ที่จะให้ สก็อตต์ เบสเซนต์ รมต คลังคนปัจจุบันแทน โดยกล่าวว่า ยังคงชอบการที่สก็อต ยังคงอยูในตำแหน่ง รมต คลัง
•สหรัฐ- อินโดนิเซีย บรรลุข้อตกลงทางการค้า… ปัจจัยบวกต่อ USD และราคาน้ำมัน
- 15 ก.ค. ทรัมป์ ประกาศบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่าง สหรัฐ -อินโดนิเซีย โดยสินค้านำเข้าสหรัฐจากอินโดนิเซียคิดภาษีนำเข้า 19% (จากเดิม 32%) และสิ่นค้าสหรัฐเข้าอินโดนิเซีย “ปลอดภาษี” นอกจากนี้อินโดนิเซียยืนยันที่จะนำเข้า พลังงานจากสหรัฐ 15 พันล้าน USD
/ สินค้าการเกษตร 4-4.5 พันล้าน USD / เครื่องบิน Boeing 50 ลำ
ตลอดจนให้ความร่วมมือ ด้านแร่ธาตุอีกด้วย แต่ทั้งนี้ยังคง ขาด เอกสารสรุปข้อตกลง”เต็มฉบับ” ยังไม่มีการเผยแพร่ / อินโดฯ ยังไม่มีการแถลงยืนยัน / ยังไม่การระบุกรอบเวลาการน้ำเข้า ตามสัญญา
สหรัฐ-จีน กลับมาเดินตามกรอบการเจรที่ลอนดอนล่าสุด…. ปัจจัยบวกต่อ USD และน้ำมัน
- สก็อตต์ เบสเซนต์ รมต คลังสหรัฐ ส่งสัญญาการเจรจาการค้ากับจีน คาดออกมาดี ก่อนกำหนด 12 ส.ค. ตามข้อตกลงที่ลอนดอนที่ทั้ง 2 ประเทศจะต้องร่วมมือกัน ในการผ่อนคลาย
– จีน ผ่อนคลาย การส่งออกแร่ Rare Earth ให้ สหรัฐ : เริ่มมีการอนุมัติส่งออก Rare Earth ให้กับบริษัทสหรัฐ หลายราย
– สหรัฐ ผ่อนคลายการส่งออก ชิป ให้กับจีน : ล่าสุด โฮเวิร์ด ลุตนิก รมต พาณิชย์สหรัฐ อนุญาตให้ Nvidia กลับมาจำหน่ายชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่น H20 ให้กับจีนอีกครั้ง และอนุญาติให้ Advanced Micro Devices (AMD) จะสามารถเริ่มจัดส่งชิป AI “MI308” ไปยังจีนในไม่ช้า
สหรัฐขีดเส้นตายคว่ำบาตรรัสเซีย ภายใน 50 วัน : ปัจจัยกดดันราคาน้ำมันเนื่องจากมีการขยายเส้นตาย ออกไป
- ทรัมป์ประกาศภาษีนำเข้าจากรัสเซีย 100% (Secondary Tariff) หากไม่ยุติสงครามกับยูเครน ภายใน 50 วัน
- ขณะเดียวกัน สส.สหรัฐ เสนอ ร่างกฎหมาย ให้ขึ้นภาษี สูงถึง 500% กับสินค้าจากรัสเซีย
- นอกจากนี้สหรัฐ ขายระบบยุทธภัณท์ ให้นาโต้ เพื่อส่งต่อไปยูเครนในการป้องกันประเทศ ประกอบไปด้วย “ระบบป้องกันภัยทางทอากาศ Patriot 17 ชุด / ขีปนาวุธ Interceptor / เรดาร์ควบคุม / Tomahawk Cruise Missiles มิสไซล์ ระยะไกล เป้าหมายรัสเซีย 1600-2500 กม.)/แพ็กเกจอาวุธ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาห์
- ในขณะที่ เมดเวเดฟรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เมินค่ำขู่ โพสตอบโต้ “ทรัมป์ยื่นคำขาดกับรัสเซียเหมือนละครฉากใหญ่ โลกสะท้านด้วยคาดการณ์ถึงผลที่จะตามมา ยุโรปที่อยากเห็นความขัดแย้งรู้สึกผิดหวัง ส่วนรัสเซียไม่สนใจ” มุ่งเดินหน้าต่อในยูเครน
- ทั้งนี้ อินเดีย และ จีน เป็น 2 ประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากที่สุด
H4/H1 ราคาน้ำมันยังคงเคลื่อนที่ใน Channel Uptrend ณ ปัจจุบัน ราคาปรับตัวร่วงลง (สัญญาณ Bearish Divergence) แตะระดับแนวรับ กรอบด้านล่าง Channel Uptrend + Demand H4 ซึ่งอยู่ระดับจุด Choch H4 ที่ 65.503 หากสามารถปิดแท่งแดง H4 ตำกว่าระดับนี้ได้ถือว่าสิ้นสุดโครงสร้างเทรนดขาขึ้น ราคามีโอกาส เคลื่อนที่ออกข้าง – เปลี่ยนเป็นขาลงได้
คำแนะนำ
- เปิดสถานะขาย (รอสัญญาณขาย + ปิดแท่ง H4 ต่ำกว่า 65.494)ที่กรอบ 66.129-65.494/ SL 66.500 เพื่อทำกำไรระยะสั้น 65.336/65.236/65.154/64.957
- เปิดสถานะซื้อ (รอสัญญาณขื้อ)ที่กรอบ 64.954-64.507 /SL 64.000 เพื่อทำกำไร 65.154/65.236/65.336/66.129
แนวรับ 64.927/64.508/63.489
แนวต้าน 66.153/66.647/67.338

ปฎิทินเศรษบฐกิจ 16 ก.ค. 2568

บทวิเคราะห์ข่าว
- US API Weekly Statistical Bulletin ฉบับล่าสุด: รายงาน สต็อกน้ำมันดิบ: เพิ่มขึ้น 19.1 ล้านบาร์เรล สะท้อน อุปสงค์ที่อ่อนแอ อาจส่งผลให้ราคานำ้มันปรับตัวอ่อนค่าลงได้
- ติดตามประกาศตัวเลข PPI ดัชนีการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าในเชิงผู้บริโภค หากตัวเลข มากกว่า 0.2% จะส่งผลให้ตลาดคาดว่าเงินเฟ้อยังคงมีสูงอยู่และส่งผลให้ USD แข็งค่าขึ้นเนื่องจาก เฟดยังคงตัดสินใจในการคงดอกเบี้ย ราคาน้้ำมันอาจปรับตัวย่อลง
- ติดตามประกาสตัวเลขปริมาณนำมันคงกลับ ที่ประกาศโดย EIA ในเวลา 9.30 น.
Leave a Reply