Day โครงสร้างเทรนด์ขาลง วานนี้ราคาน้ำมันยังคงทรงตัว ปิดจบแท่งรายวัน Bearish Doji มีการเคลื่อนไหวเพียงแค่ 1,198 จุด ตลอดทั้งวัน ทั้งปัจจัยมาตราการความไม่แน่นอนด้านภาษี และรายงาน คาดการน้ำมันปีนี้จาก EIA เป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
สัญญาน้ํามันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ลดลง 0.3 % ที่ $61.33 ต่อบาร์เรล
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของ ทรัมป์ (ปัจจัยลบต่อน้ำมัน)
- OPEC+ ปรับลดความต้องการน้ำมันทั่วโลก ในปี 2025 เหลือ 1.30 ล้านบาร์เรล์ต่อวัน (จากเดิม 1.45 ล้านบาร์เรล์ต่อวัน) 15 เม.ย.
- EIA (สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ) ปรับความต้องการใช้นำมันต่อวัน ในปี 2025 = 730,000 บาร์เรลต่อวัน (จากเดิม 1.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน) คาดการณ์ในปี 2026 = 690,000 บาร์เรลต่อวัน การปรับลดมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง สหรัฐกับจีน(ผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก) ตลอดจนการชะลอทางเศรษฐกิจหลังประกาศมาตราการภาษีจากสหรัฐ ซึ่งทำให้ความต้องการน้ำมันโลก เติบโตช้าสุดในรอบ 5 ปี
สหรัฐส่งสัญญาณอาจระงับภาษีรถยนต์ หลังจากกลับลำ จะกลับมาเก็บภาษีนำเข้า IT อีกหลังสอบสวนเสร็จ
- 15 เม.ย. ทรัมป์ ย้ำส่งสัญญาณมีโอกาสที่จะยกเว้นภาษี 25% สำหรับการนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโก และแคนาดา ชั่วคราว (ขณะที่จีนยังคงเรียกเก็บเท่าเดิม)หลังจากที่มาตราการภาษีบังคับใช้ ต้นเดือน เม.ย. ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อค่ายผลิตรถยนต์ในสหรัฐและทั่วโลก ทรัมป์กล่าว จะหาทางช่วยบริษัทรถยนต์เพื่อจะให้มีการปรับเปลี่ยน Supply Chain และการผลิตที่ลดต้นทุนที่สูงขึ้น ก่อนที่สุดท้ายจะย้ายมาผลิตในสหรัฐทั้งหมด (Reshoring)
- แม้ว่าจะมีการประกาศยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้า IT ในวันศุกร์ที่ 11 ที่ผ่านมา ล่าสุด 15 เม.ย. ทรัมป์ยืนยัน จะกลับมาเก็บภาษีสมาร์ทโฟน,อิเล็กทรอนิกส์ อื่นๆ ที่ผลิตในจีน (ไม่มีข้อยกเว้น) แต่จะจัดหมวดหมู่ใหม่ ในกลุ่ม Semiconductor& Critical Electronics ซึ่งจำเป็นต้องมีการสอบสวนเชิงลึก ด้านการค้าและความมั่นคง กับอุตสหกรรม อิเล็กทรอนิกส์และยา อีกทั้งต้องตรวจสอบ Supply Chain สำคัญทั้งหมด เพื่อลดการพึ่งพาจีนมากเกินไป และ จะเรียกเก็บภาษีหลังสอบสวนเสร็จสิ้นภายใต้กลุ่ม Semiconductor และ เวชภัณฑ์
- นักลงทุนเกรงอาจมีการเร่งกระแส De – Risking form China คือการย้ายฐานการผลิตจากจีน ไปประเทศอื่น และจะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการค้า ระหว่างจีน-สหรัฐมากขึ้น ในขณะที่จีน สี จิ้นผิง เตรียมเยือน 3 ประเทศ (เวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา) ในสัปดาห์นี้ 14-18 เม.ย. เพื่อรับมือ นโยบาย การค้า America Firstของอเมริกา
– 14-15 เยือนเวียดนาม ผลการเจรจาออกมาด้วยดี มีการตกลงร่วมมันพัฒนา โครงการรถไฟฟ้าสาม 3 (กว่างซี-ฮานอย/ เซินเจิ้น-ไฮฟอง/คุนหมิง-เวียดนามเหนือ) จีนสนับสนุนงบ 1.36 ล้านดอลล่าห์ โดยเริ่มก่อสร้างในปีนี้ , เวียดนามแสดงความสนใจเข้าร่วมกลุ่ม BRICS และรอคำเชิญอย่างเป็นทางการเดือน ก.ค.นี้ อีกทั้งจีนยังตกลงเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากเวียดนาม และร่วมมือวิจัยแร่ธาตุสำคัญ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในการลดความตึงเครียดข้อพิพาทในทะเลจีนใต้(หมู่เกาะ Paracel/หมู่เกาะ Spratly/เส้นประ 9 เส้นในทะเลจีนใต้)
-15 -16 เม.ย.เยือนมาเลเซีย ผลการเจรจาออกมาด้วยดี มาเลเซียทุ่มงบ 5.3 พันล้านดอลล่าห์ เพื่อพัฒนาอุตสาหรกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ “ศูนย์กลางที่เป็นกลางไม่ฝักใฝ่ผ่ายใด” เพื่อช่วยสร้างอุปทานมั่นคงและยืดหยุ่นระดับโลก / ลงนามร่วมกันหลายฉบับ เน้นอุปทานเซมิคอนดักเตอร์ร่วมกัน และการพัฒนาทักษะบุคคลากร ยุทธศาสตร์ National Semiconductor Strategy (NSS)
– 17-18 เม.ย. แผนเยือนกัมพูชา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ การเมืองและความมั่นคง จากการซ้อมรบระหว่าง สหรัฐ-กัมพูชา ในช่วงปีที่ผ่านมา
ทรัมป์ เลื่อนเก็บภาษีต่างตอบโต้ (reciprocal tariff) ไป 90 วัน แต่ยังเรียกเก็บ 10% Baseline Tariff สำหรับทุกชาติ ,จีนยังคงเป็นชาติเดียวที่สหรัฐเรียกเก็บเต็มอัตรา …..
- สหรัฐ ประกาศเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีน 145% ขณะที่จีนตอบโต้กลับ ด้วยการเรียกภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 125% อีกทั้งยังควบคุมการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิดไปยังสหรัฐ ล่าสุดประกาศ 4 แร่ห้ามส่งไปสหรัฐ Gallium (สหรัฐนำเข้าจากจีน 50%ไม่มีการผลิตในประเทศ ที่เหลือนำมาจาก รัสเซีย,แคนาดาและออสเตรเลีย)/ Germanium/Antimony/ วัสดุแข็งพิเศษ (เช่นเพชรสังเคราะห์) คาดส่งผลต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและกลาโหมสหรัฐ
- จีนเดินหน้าตอบโตสหรัฐ ล่าสุด ประกาศ ให้สายการบินจีนระงับ การรับมอบเครื่องบินโบอิ้งกว่า 200 ลำภายใน 3 ปี และสั่งให้สายการบินในสหรัฐฯ ยกเลิกการซื้ออุปกรณ์และชิ้นส่วนเครื่องบินจากสหรัฐฯ รวมถึงระงับการรับมอบเครื่องบินโบอิ้งเพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน จะพิจารณาความช่วยเหลือแก่สายการบินจีนที่เช่าเครื่องบินโบอิ้งจากสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว ในอนาคตสายการบินจีนอาจหันไปสั่งซื้อเครื่องบินจากผู้ผลิตรายอื่น เช่น แอร์บัสจากฝรั่งเศส หรือเครื่องบินคอมเม็กซ์ (COMAC) ที่ผลิตในจีน เพื่อเป็นการหยุดการซื้อขายสินค้าจากสหรัฐ
- ขณะทีธรรมเนียบขาว ยืนยันจะให้จีนต้องเป็นฝ่ายมาขอเจรจากับสหรัฐ มั่นใจว่า ตลาดสหรัฐแข็งแกร่งมากพอและรับมือกับสถานการณ์ได้
- จีน เร่งนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนมีนาคม จาก รัสเซีย และอิหร่าน ก่อนหน้าที่สหรัฐจะมีมาตราการคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับชาติดังกล่าว ทั้งนี้เป็นมาตราการบริหารความเสี่ยงและลดต้นทุนด้านพลังงานของจีน เนื่องจาก ราคาน้ำมันทั้ง 2 ประเทศ มีส่วนลดที่สูงกว่าราคาน้ำมันตลาด
ทรัมป์ขู่ถล่มอิหร่าน หลัง การเจรจา สหรัฐ- อิหร่าน “โครงการณ์นิวเคลียร์อิหร่าน” รอบที่ 1 อิหร่านเตะถ่วงเวลา
- 15 เม.ย. ทรัมป์ออกมาขู่อิหร่าน โดยระบุพฤติกรรมอิหร่านจากการประชุมครั้งที่ 1 เป็นการถ่วงเวลาเพื่อจะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ให้เสร็จก่อน ซ้ำขู่โจมตีอีหร่านอย่างรุนแรงและหนักหน่วง ในขณะเดียวกัน สหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson เข้าประจำการในน่านน้ำตะวันออกกลาง ร่วมกับ USS Harry S. Truman อีกทั้งวางระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot เพื่อแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ก่อนการเจรจารอบที่สองกับอิหร่าน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 19 เมษายน ที่โอมาน(แทนอิตาลี่) ขณะที่อิหร่านยังคงไม่ไว้ใจสหรัฐ ระบุการเจรจารอบแรกเป็นไปทิศทางที่ดีอิหร่านมีการยื่นข้อเสนอการผ่อนปรนมาตราการคว่ำบาตรเพื่อแลกกับการยกเว้นการพัฒนานิวเคลียร์บางส่วน ทั้งนี้ยังต้องระวังท่าทีของสหรัฐตอบกลับในเรื่องดังกล่าว
- การเจรจารอบ 2 โดยมีประเด็นการเจรจาเน้นไปที่เรื่อง การลดระดับสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านที่ 60%(ข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ที่3.67%) และให้อิหร่านย้ายคลังยูเรเนียมไปประเทศที่สาม เช่นรัสเซีย หรือ เก็บไว้ภายใต้การกำกับดูแลของ IAEA ภายในประเทศ
สถานะการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา … … ปัจจัยบวกต่อการทรงตัวของราคาน้ำมัน
- ฉนวนกาซ่ายังคงตึงเครียด หลังจากที่กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) เข้ายึดจุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักสำหรับการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซ่า การยึดจุดผ่านแดนนี้ส่งผลให้การส่งอาหาร น้ำ และเวชภัณฑ์ถูกระงับ ทำให้ประชาชนในกาซ่าประสบกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมอย่างรุนแรง
- ในขณะเดียวกัน กลุ่มฮามาสได้แสดงความพร้อมที่จะปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ จำนวน 58 คน โดยเสนอแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ในเรือนจำอิสราเอล และเรียกร้องให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารในกาซ่า
- แม้จะมีความพยายามในการเจรจาผ่านสื่อกลางอย่างอียิปต์และกาตาร์ แต่การเจรจายังคงประสบกับความล่าช้าและความไม่แน่นอน โดยอิสราเอลได้เสนอข้อตกลงหยุดยิงระยะเวลา 45 วัน หากฮามาสยอมปล่อยตัวประกันครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่
- สถานการณ์ดังกล่าวได้กระตุ้นให้ประชาคมโลกเรียกร้องให้อิสราเอลเปิดทางสำหรับการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซ่าโดยด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง
- 15 เม.ย. EU ประกาศแผนการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 1,600 ล้านยูโร เพื่อช่วยฟื้นฟูเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซ่าหลังสิ้นสุดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ขณะที่ เบนจามิน เนทันยาฮูนายกอิสราเอลเสนอให้ปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ และให้สหรัฐเข้ามาฟื้นฟู เพื่อทำเป็น Libellar แห่งตะวันออกกลางแทน
- (IDF) ได้สกัดกั้นขีปนาวุธที่ถูกยิงมาจากกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งมุ่งเป้าโจมตีพื้นที่เวสต์แบงก์ได้สำเร็จ กลุ่มฮูติยังคงส่งโดรนโจมตีอิสลาเอลอย่างต่อเนื่อง เพื่อกดดันให้อิสลาเอลหยุดโจมตีฉนวนกาซ่า ขณะที่เรือ USS Truman สหรัฐ ไม่ได้มีการยืนยันความเสียหาย แต่ฮูติอ้างโจมตีเรือรบดังกล่าวเสียหายอย่างหนัก ซึ่งทำให้ สหรัฐต้องส่ง เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson (CVN-70) พร้อมกลุ่มเรือคุ้มกันจากกองเรือที่ 7 ออกจากฐานที่เกาะกวม มุ่งหน้าไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อเสริมกำลังให้กับ USS Harry S. Truman
H4 /H1โครงสร้างยังคงเป็นเทรนด์ขาลง ราคาน้ำมันยังคงซึมตัวออกข้างเคลื่อนที่ในลักษณะ Sideway Down ไม่สมารถยืนแนวบริเวณแนวรับที่ให้ไว้ (FVG H1) หากราคาสามารถยืนเหนือกรอบ 59.422-58.360 ได้ ยังคงมีโอกาสกลับตัว PA : Inverse Head & Shoulder ควรเน้นการทำกำไรฝั่งขายจนกว่าจะถึงกรอบดังกล่าว
แนะนำ
- เปิดสถานะขาย (รอสัญญาณขาย)ที่กรอบ 61.333-61.730 / SL 62.000 เพื่อทำกำไรที่ 61.000/60.277/60.100/59.961
- เปิดสถานะซื้อ (รอสัญญาณซื้อ) ที่กรอบ 59.422-58.360 / SL 57.850 เพื่อทำกำไร 59.375/59.638/60.081/60.392
แนวรับ 59.257/58.342/56.070
แนวต้าน 61.757/62.107/62.985

ปฎิทินข่าว 16 เม.ย.2568

บทวิเคราะห์ข่าว
- รายงานสถิติประจำสัปดาห์ของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) 15 เม.ย. สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 เมษายน ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 1.68 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 3.2 ล้านบาร์เรลในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น … กดดันราคาน้ำมันในตลาด
- ติดตามประกาศตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง , น้ำมันกลั่นและแก๊สโซลีนคงคลัง ที่ประกาศโดย EIA ซึ่งเป็นหน่วยงานนภาครัฐของสหรัฐ (ขณะที่ API เป็นของสมาคมอุตสหารกรรมพลังงาน -เอกชน) ซึ่งหากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังยังเหลืออยู่มาก ในขณะที่ปริมาณการใช้เบนซินและแก๊สน้อยลง คาดการชะลอตัวการผลิตน้ำมัน เพื่อสอดคล้องกับความต้องการที่น้อยลง จากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงต่อ – ทรงตัว
Leave a Reply