กลยุทธ์การลงทุน Crude Oil (WTI) ประจำวันที่ 12 ก.ย. 2568

DAY วานนี้ราคาน้ำมันปรับลดลง แนวโน้มอุปสงค์ความต้องการน้ำมันในสหรํฐอ่อนแรง ประกอบกับรายงงาน IEA น้ำมันอาจล้นตลาดในปี 2026 ในขณะที่ข้อตกลงการเพิ่มกำลังการผลิต OPEC+ ในขณะที่ EU และสหรํฐยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงคว่าบาตรรัสเซียได้ ราคาปิดวานนี้ Bearish Marubozo ราคาร่วงลงก่อนแนวต้านที่ให้ไว้ ยืนยันโครงสร้างขาลงใน Timeframe Day อย่างต่อเนื่อง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 62.37 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 2.0%

IEA รายงานอุปทานน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นรวดเร็ว อาจล้นตลาด ในปี 2026 ... ปัจจัยกดดันน้ำมัน

  • 11 ก.ย. สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานอุปทานน้ำมันโลก จะเพิ่มขึ้นเร็วในปีนี้ คาดอาจล้นตลาดในปี 2026
    -อุปทานน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ในปี 2025
    -อุปทานน้ำมันจะ เพิ่มอีก 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2026
  • ปัจจัยสนับสนุนอุปทานน้ำมันล้นตลาด จากการจากข้อตกลงการประชุม OPEC+ ล่าสุดปรับเร่งกำลังการผลิต / รัสเซียและพันมิตร ตัดสินใจ เร่งยกเลิกมาตราการลดกำลังการผลิต รอบ 2 เร็วกว่ากำหนด ส่งผลให้มีน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดมากขึ้น
  • รายงาน EIA น้ำมันคงคลังประจำสัปดาห์ ปริมาณน้ำมันคงคลังเพิ่มขึ้นเกินขาด… ปัจจัยกดดันราคาน้้ำมัน
  • 10 ก.ย. รายงานน้ำมันดิบคงคลัง เพิ่มขึ้น 3.9 ล้าน เกินคาด (คาดการณ์ว่าลดลง) ในขณะที่ทั้ง น้ำมันเบนซิน และ ดีเซล เพิ่มขึ้น 1.5 ล้าน และ 4.7 ล้าน เช่นกัน

รายงานการประชุมประจำเดือน OPEC+ ตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิต … EIA นำผลการประชุมใช้ในการวิเคราะห์ปริมาณน้ำมันโลก ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน

  • 11 ก.ย. OPEC Monthly Report
    – เพิ่มกำลังการผลิต รวม 137,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025
    – มีการประกาศแผนให้สมาชิกบางประเทศที่ผลิตเกินโควต้า (overproduction) ต้องลด/ชดเชยการผลิต เพื่อให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์การผลิตที่ตกลงกันไว้ ประเทสที่ให้ชดเชยหนัก คือ คาซัคสถาน ,อิรัก,รัสเซีย , UAE
    – รัสเซียได้ออกมาระบุว่า “ยืนยันความร่วมมือกับOECP+ “เต็มที่กับภาระหน้าที่ตามข้อตกลง OPEC”
    – ราคาน้ำมันทรงตัว (ตลาดซึมซับข่าวการประชุมในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย.แล้ว)

อิสราเอลโจมตีผู้นำฮามาสในกาตาร์ ไร้วี่แววการดำเนินการต่ออิสลาเอล….

  • ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการหรือข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมจากนานาชาติในการตอบโต้การกระทำของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม การประณามจากหลายประเทศและองค์กรระหว่างประเทศแสดงให้เห็นถึงความกังวลและความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในภูมิภาค คาดว่าในอนาคตอาจมีการหารือหรือดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
  • จากการที่ วันที่ 9 ก.ย. อิสลาเอล โจมตีขีปนาวุธ ผู้นำฮามาส 6 ราย ซึ่งรวม ทีมเจรจาหยุดยิง ที่กำลังจะประชุมเกี่ยวกับข้อเสนอการหยุดยิง ที่มีสหรัฐเป็นคนกลางในการเจรจา ที่พำนักอยู่ที่ ย่านที่อยู่อาศัย กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์  โดยการโจมตีแบบพุ่งเป้า โดยเสียงระเบิดดัง่ต่อเนื่องอย่างน้อย 5 คร้ง
  • แม่ว่า 11 ก.ย. ออกมาปฎิเสธ การตัดสินใจของเนทันยาฮู ในการโจมตีกาตาร์ ไม่ใช่ความคิดของทรัมป์ แต่ะได้รับแจ้งจากกองทัพสหรัฐ ว่าอิสลาเอลจะโจมตีเป้าหมายฮามาสในกาตาร์ ไม่ได้เป็นไปตามที่ เนทันยาฮุกล่าวอ้าง พร้อมกกล่าวแสดงความไม่พอใจการโจมตีดังกล่าวแต่ไม่มีข้อสรุปในการดำเนินการอย่างไรต่อ เนทันยาฮู

เงินเฟ้อปรับตัวสูง แรงงานต่ำ สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐ อ่อนตัว .. ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน

  • 11 ก.ย. ประกาศ ดัชนีราคาผู้บริโภค CPI เดือนส.. เพิ่มขึ้น 0.4% เทียบรายงเดือน สูงสุดนับตั้งแต่ ม.ค. เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี (ตรงคาดการณ์) มากกว่าเดือน ก.ค. 2.7% โดยมีปัจจัยหนุนเฟิ้นเฟ้อจาก
    – ค่าเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 0.4%
    – อาหารเพิ่มขึ้น 0.5% (ผักผลไม่ เพิ่มขึ้น 1.6%)
    – น้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 1.9%
  • 10 ก.ย. ประกาศ ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน ส.ค. PPI = -0.1 % เกิดภาษีสินค้าทรัมป์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีการผลักไปให้ผู้บริโภคเกิน 100% (ส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขึ้น)
  • 11 ก.ย. ประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก พุ่งสูงแตะ 263K (เดือนกอนหน้า 236 K) ซึ่งว่าแตะระดับสูงสุดรอบ 4 ปี สะท้อนแรงงานอ่อนตัวจากสภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐชะลอตัว ไม่รวมถึงปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทั้งจากฟาร์ม ตามมาตราการกวาดล้างแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้หลายโครงการก่อสร้างโรงงานที่ในสหรํฐล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่บุกตรวจควบคุมแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก

EU ส่งสัญญาณอาจะไม่มีการดำเนินการ Secondary Tariff กับจีนและอินเดียตามที่ทรัมป์ต้องการ… ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน

  • 12 ก.ย. EU ส่งสัญญาณ อาจไม่ยอมเก็บภาษีนำเข้า จีน และ อินเดีย 100% ตามทรัมป์เรียกร้อง โดยได้ออกมากล่าวว่า”อยู่ในช่วงหารือกันภายใน EU  และพันธมิตรทั่วโลก” ทั้งนี้ สหภาพยุโรป นำเข้าจากอินเดีย “น้ำมันกลั่นและดีเซล(ซื้อนำมันดิบจากรัสเซีย และ OPEC+)” / “เคมี”/”สิ่งทอ”  ในขณะที่นำเข้าจาก จีน  “ เครื่องจักร และอุปกรร์ไฟฟ้า” “แผงโซลาเซลล์ แบตเตอรี” สินค้า อุตรสาหกรรมพื้นฐาน “เหล็ก อะลูมิเนียม เคภัณท์” การปรับขึ้นภาษีจาก 2 ประเทศ จะส่งผลให้ราคาสินค้า ทั่วไป- สินค้าทางอุตสาหกรรมแพงขึ้น ซึ่งมีความเสี่ยงในขณะที่เงินเฟ้อ ณ ปัจจุบัน EU อยู่ในระดับตามเป้าหมายแล้ว
  • 10 ก.ย. ทรัมป์  โดยเรียกร้องให้ EU ใช้มาตราการเก็บภาษีนำเข้า Tariffs สูงสุดทึง 100%  กับสินค้า จีน และ อินเดีย โดยมีเป้าหมายกดดันรัสเซีย ผ่านการตัดรายได้จาลูกค้าน้ำมันของรัสเซีย และเป็นการกดดันให้ยุติสงคราม รัสเซีย – ยูเครน หาก EU ประกาศใช้มาตรานี้ สหรัฐ ก็จะดำเนินการมาตราการภาษีแบบเดียวกัน

รัสเซียเมินคำขู่มาตราการคว่ำบาตรจาก สหรัฐ และยุโรป … ปัจจัยอุปทานน้ำมันแข็งแกร่ง กดดันราคาน้ำมัน

  • รายงานจาก GAO (Government Accountability Office) พบว่า มาตรการคว่ำบาตรและควบคุมการส่งออก (export controls) ส่งผลต่อเศรษฐกิจรัสเซียบ้าง แต่”ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจพังแบบสิ้นเชิงได้”
  • ในขณะทีรัสเซียใช้กลไก “shadow fleet” (เรือเงา/กลางทางที่ไม่ได้จดทะเบียน/ไม่ใช้บริการของประเทศที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร) เพื่อส่งออกน้ำมันเกินขอบเขตหรือหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมายบางอย่าง
  • ในขณะที รัสเซียกล่าวว่าสหรัฐ และชาติตะวันตกไม่สามารถบีบรัสเซียให้หยุดสงครามได้ ผ่านมาตรการคว่ำบาตร
  • นอกจากนี้ ยังได้การช่วยเหลือจากจีน ในการออกพันธบัตรรัฐบาลจีน สำหรับ บริษัทในรัสเซีย ตลอดจนการยอมรับในการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย จากเพื่อนสมาชิกรัสเซีย อินเดีย ,เกาหลีใต้ และจีน อีกด้วย

H4 /H1 ราคาน้ำมันปรับตัวร่วงลงทะลุกรอบ Channel Uptrend H4 ลงมา หากราคา H4 ปิดต่ำกว่า 61.178 Choch H4 จะเป็นการยืนยันโครงสร้างเทรนด์ขาลงระยะสั้นกลับมาอีกครั้ง แนะนำรออาศัยจังหวะการ Rebound เปิดสถานะขายจะได้เปรียบกว่า

คำแนะนำ

  • เปิดสถานะขาย (รอสัญญาณขาย)ที่กรอบ 61.913-62.625 / SL 63.000 เพื่อทำกำไร 62.044/61.881/61.608/61.416/61.144/60.986/60.760/60.660

แนวรับ 61.178/60.533/59.992

แนวต้าน 62.628/63.927/64.637


by

Tags:

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *