กลยุทธ์การลงทุน Crude Oil (WTI) ประจำวันที่ 5 มิ.ย.2568

Day โครงสร้างยังคงเป็นเทรดนขาลง วานนีราคาน้ำมันปรับตัวลง(ตามคาด) บริเวณกรอบแนวต้านที่ให้ไว้ ราคาน้้ำมันลงพักตัวบริเวณ Demand H4 ตามกรอบที่ให้ไว้ แต่ยังคงไม่มีปัจจัยบวก ทำให้สามารถกลับขึ้นมาได้ วานนี้ ประกาศตัวเลข ADP NonFarm และ PMI Service ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ แม่ว่าปริมาณน้ำมันดับคงคลังต่ำกว่าคาด (ทั้ง API และ EIA report) แต่ก็ทำได้แค่ราคาน้ำมันทรงตัวในกรอบดังกล่าว ปิดแท่งรายวันวานนี้ Bearish with short shadows

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ WTI งวดส่งมอบเดือน ก.ค. ปิดที่  62.85 ดอลลาร์สหรัฐต่อาร์เรล ลดลง 0.9 %

ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจวานนี้ แย่เกินคาด …. ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน

  • ADP Non Farm วานนี้ ออกมาที่ 37,000 คน (จากคาดการ 111 K และเดือนก่อนหน้า 60 K) ยังสะท้อนการจ้างงานที่อ่อนแอลง เรื่อย 2 เดือน ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ตั้งแต่ มี.ค. 2023 ส่งสัญญาณถึงความอ่อนแอของตลาดแรงงาน
  • PMI – Service ประกาศตัวเลขที่ 49.9 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 ในรอบปี นับตั้งแต่เดือน ส.ค.ปี 2024 ซึ่งสะท้อนภาพเศรษฐกิจ ทั้งฝังการเงิน,การท่องเที่ยว,สถานให้บริการและ Logistic อยู่ในสภาวะหดตัว
  • ทรัมป์ เรียกร้องให้เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยทันที หลังจากที่ ADP – Nonfarm ประกาศตัวเลขชนิดที่ต่ำกว่าคาด ทั้งยังโพสเตือน “ตัวเลข ADP ออกแล้ว!!! สายเกินไป ที่พาวเวลล์ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเดี๋ยวนี้” โดยทรัมป์ออกมาวิจารณ์การทำงานของธนาคารกลางสหรัฐว่า่มีความล่าช่าในการปรับลดดอกเบี้ย ไม่เหมือน ธนาคารกลางยุโรปที่ปรับลดออกเบี้ยไปแล้ว 9 ครั้ง

ประกาศตัวเลขน้ำมันคงคลัง การลดลงของอุปทาน … ปัจจัยบวกต่อราคาน้ำแค่ระดับทรงตัว

  • EIA รายงานยอดสต็อกน้ำมันดิบ สต็อกน้ำมันดิบ ลดลง 4.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ ที่ API รายงานในช่วงเช้ามืด API รายงานยอดน้ำมันดิบคงคลัง ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล (คาดการณ์ 0.9 ล้านบาร์เรล) แสดงถึงความต้องการใช้น้ำมันทีแข็งแต่งอยู่ … ปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน
  • ไฟป่าใน รัฐ แอลเบอร์ต้า แคนาดา ส่งผลให้การผลิตน้ำมันดิบของแคนาดาลดลงประมาณ 344,000 บาร์เรลต่อวัน อาจก่อนให้เกิดปัญหา อุปทานลดลงในการส่ง น้ำมันดิบให้สรัฐ เพือใช้ในการกลั่นน้ำมันดีเซลและเบนซิน ในอนาคตอันใกล้นี้ .
  • นักลงทุนคาด มาตราการคว่ำบาตรส่งน้ำมันอิหร่าน จะไม่ยุติในเร็ววันนี้ ทั้งนี้หลังจากที่อิหร่านออกมาปฎิเสธ ผลรายงาน IAEA(ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ) ที่ออกมา “น่าพอใจน้อยกว่าที่ควร พบข้อกังวลหลายประการที่เป็นความเสี่ยงต่อปฎิบัติการอาวุธนิวเคลียร์” ในขณะที่ อิหร่าน ยืนยันว่า อิหร่านให้ความร่วมมือภายใต้สนธิสัญญา NPT และข้อตกลง JCPOA และขู่ว่า จะมีมาตราการตอบโต้จากอีหร่าน หากรายงานนี้ถูกนำไปใช้ในการดำเนินการต่อในที่ประชุม IAEA วันที่ 9 มิ.ย.
  • มาตราการคว่ำบาตรส่งน้ำมัน รัสเซีย จะไม่ยุติในเร็ววันนี้เช่นกัน หลังการเจรจาวันที่ 2 มิ.ย. ไม่มีความคืบหน้า รัสเซียไม่ยอมรับข้อเสนอของยูเครน ในขณะที่ยังคงเดินหน้าโจมตี ทั้งทางอากาศ และทางบกในพื้นที่ยูเครนอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มีพลเมืองเสียชีวิต 4 ราย ขณะที่นานาชาติรุมประนามการดังกล่าว เป็นการ”ก่ออาชญากรรมทางสงคราม” ในขณะที่ยูเครน เริ่มเดินหน้า โจทตีรัสเซียด้วยโดรน 117 ลำ ใน 5 ฐานทัพในมอสโค อีกทั้งยังโจมตีสะพานไครเมียด้วยระเบิดใต้ดิน

ปัยจัยกดดันราคาน้ำมัน สงครามการค้า

  • แคนาดาเตรียมตอบโต้ สหรัฐ หลังจากที่ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากระดับ 25% เป็น 50% โดยมีผลบังคับใช้ในเวลา 00.01 น. ของวันพุธที่ 4 มิ.ย. โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ประกาศยกเว้น อังกฤษ เป็นการชั่วคราว ซึ่งทรัมป์ระบุว่า อังกฤษ ต้องได้รับ “การปฏิบัติที่แตกต่าง เนื่องจากมีข้อตกลงที่ลงนามด้วยกัน เมื่อวันที่ 8 พ.ค.แล้ว อย่างไรก็ดีทรัมป์ระบุว่า อาจจะเรียกเก็บอักกฤษ เป็น 50% หลังจากวันที่ 9 ก.ค. แทน
  • ทรัมป์ เตรียมใช้อำนาจฉุกเฉินและลดข้อกำหนดทางกฎหมาย รวมถึงการอนุมัติงบประมาณบางส่วนจากสภาคองเกรสที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เพื่อเพิ่มการผลิตแร่ธาตุสำคัญและอาวุธของสหรัฐฯ โดยการดำเนินการครั้งนี้ของทรัมป์ จะนำไปใช้กับกฎหมายการผลิตเพื่อการป้องกันประเทศ (Defense Production Act) ซึ่งเป็นกฎหมายของสหรัฐฯ ที่ให้อำนาจฉุกเฉินแก่ประธานาธิบดี ในการควบคุมอุตสาหกรรมและทรัพยากรภายในประเทศในช่วงภาวะฉุกเฉินด้านความมั่นคงแห่งชาติ
  • 2 มิ.ย. จดหมายจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เร่งรัดให้ประเทศคู่ค้ายื่นข้อเสนอการค้าที่ดีที่สุดภายในวันพรุ่งนี้ 4 มิ.ย. ซึ่งสหรัฐจะใช้เวลาในการประเมินข้อเสนอ เพื่อเร่งนัดการเจรจา ก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 8 ก.ค. ทั้งนี้ยังไม่มีระบุประเทศที่จดหมายฉบับนี้ส่งไปถึง
  • 31 พ.ค. การเจรจาการค้ารอบที่ 4 ระหว่างสหรัฐ – ญีปุ่น เสร็จสิ้นแล้วแต่หลังจากการประชุมไม่นาน ทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม ซึงส่งผลให้ เรียวเซ อาคาซาวะ รมต.กระทรวงฟื้นฟูเศรษฐกิจญีปุ่นต้องรีบนัดเจรจาการค้ารอบใหม่ในสัปดาห์นี้ เพื่อขอให้สหรัฐผ่อนปรนนโยบายภาษีดังกล่าว ซึ่งแม้ว่านายกญี่ปุ่นและทรัมป์จะมีนัดการประชุมสุดยอดผู้นำโลก G7 (15-17 มิ.ย.)ที่แคนาดา ซึ่งมีหัวข้อการประชุมเรื่อง นโยบายภาษีสหรัฐ รวมอยู่ด้วย แต่มีโอกาศทีทรัมป์จะกลับลำกร้าวแข็งกับนโยบายภาษีอื่นๆ
  • อีลอน มัสก์ แห่ง Tesla ออกมาวิจารณ์ร่างกฎหมาย OBBB “นี่คือสิ่งน่ารังเกียจที่เต็มไปด้วยการใช้งบประมาณอย่างสิ้นเปลือง” และจะทำให้ “หนี้ของรัฐบาลพุ่งสูงขึ้น” ซึงก่อนหน้านี้ Wallstreet เตือน มาตรการภาษีสำหรับนักลงทุนต่างชาติในร่างกฎหมายงบประมาณสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณาในสภาคองเกรส (OBBB) อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้อนุมัติร่างกฎหมายภาษีและการใช้งบประมาณ และจะจัดเก็บภาษีแบบก้าวหน้า สูงสุดถึง 20% สำหรับรายได้ passive income ของนักลงทุนต่างชาติ เช่น เงินปันผลและดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนไม่ลงทุนในพันธบัตรสหรัฐเลยแต่ย้ายไปยังประเทศที่ต้นทุนกต่ำกว่า
  • Goldman Sachs คาดว่า OPEC+ อาจเพิ่มการผลิตอีก 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม และหลังจากนั้นอาจคงระดับการผลิตไว้ เนื่องจากคาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว และมีการเพิ่มการผลิตจากประเทศนอกกลุ่ม OPEC

ติดตามผลการเจรจา ระหว่าง ทรัมป์ และ สีจิ้นผิง ที่ Kevin Hassett นักเศรษฐศาสตร์ประจำธรรมเนียบขาว ยืนยันการเจรจามีขึ้นในสัปดาห์นี้แน่นอน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการสนทนาในรูปแบบทางโทรศัพท์หรือพบปะ … หากการเจรจาการค้าออกมาในทิศทางที่ดี จะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันโดยทันที

  • ทรัมป์ กล่าวว่า การทำข้อตกลงกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงของจีน เป็นเรื่อง “ยากมาก” พร้อมทั้งยังอวย ใน Truth Social ว่า “ผมชอบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยชอบมาตลอด และจะยังชอบอยู่ แต่เขาเป็นคนที่แข็งกร้าวมาก และยากมากที่จะทำข้อตกลงด้วย!!!”
  • หลังจากที่สัปดาห์ก่อน ต่างฝ่ายต่างออกมาโจมตี ว่าละเมิดข้อตกลงการค้าซึ่งกันและกัน ฝั่งจีน ยืนยันว่าสหรัฐเป็นผู้ละเมิดพักรบข้อตกลงการค้าใน 90 วัน แต่เป็นทางสหรัฐที่ยังไม่ยกเลิกการควบคุมการส่งออกชิปและเทคโนโลยีให้กับจีนอีกทั้งยังยกเลิกวีซ่านักเรียนจีนในสหรัฐ ทั้งสิ้น 277,000 คน (ใกล้เคียงกับจำนวนนักเรียนจีนทั้งหมดในสหรัฐ” ในขณะที่ฝั่งสหรัฐ เรียกร้องให้จีน เร่งอนุมัติ “ใบอนุญาติ”ส่งแร่หายาก Rare Earth ซึ่งตอนนี้ทั่วโลกเริ่มประสบปัญหา
  • โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในยุโรปหยุดผลิตหลายแห่ง ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เร่งหาวิธีรับมือกับปัญหาขาดแคลนแร่หายาก หลังจากที่จีนประกาศระงับการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็กที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เดือนเม.ย. ได้สร้างความปั่นป่วนต่อห่วงโซ่อุปทานสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตอากาศยาน บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ และผู้รับงานตามสัญญาจ้างทางการทหารทั่วโลก โดยความได้เปรียบของจีนในอุตสาหกรรมแร่สำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด กำลังถูกมองเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำสงครามการค้ากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยจีนผลิตแร่หายากถึง 90% ของความต้องการทั่วโลก และก่อนหน้านี้ ผู้แทนอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงต่อการผลิตเนื่องจากการพึ่งพาแร่ธาตุหายากต่อจีนในส่วนนี้

H4 /H1 : ราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในกรอบ Sideway (แนวรับ Demand H4 59.451 และแนวต้าน Supply H4 63.230 แต่ถือว่าเป็นการเคลื่อนที่ออกจากกรอบ Channel Downtrend H4 แล้ว อีกทั้งยังพยายามยก High และ Low สูงขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้หากราคาน้ำมันสามารถยืนเหนือ 64.772 ได้สำเร็จ จะถือเป็นการสิ้นสุดโครงสร้างเทรนด์ขาลงในระยะกลางได้ด้วย / H4 ปรากฎ Hamonic Shark Pattern ราคาปรับตัวย่อลง (+ สัญญาณ Bearish divergence) ลงมาในระดับ 38.2% (ตามคาด) ราคาทรงตัวอยู่บริเวณ แนวรับ Demand H4 คาดว่าน่าจะดึดขึ้นในระดับเดิม (ไม่ไกลจากเดิม) เนื่องจาก ณ ขณะนี้มีสัญญาณ Double Bearish Divergence เกิดขึ้น

แนะนำ

  • เปิดสถานะซื้อ (รอสัญญาณซื้อ)ที่กรอบ 62.133-61.614 / SL 61.600 เพื่อทำกำไรที่62.195/62.399/62.578/62.879/63.091/63.302/63.564

แนวรับ 61.633/60.485/59.582

แนวต้าน 63.244/63.985/64.772

ปฎิทินเศรษฐกิจ 5 มิ.ย. 2568

บทวิเคราะห์ข่าว

  • 44 มิ.ย. สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ได้เผยแพร่รายงานสถานะน้ำมันประจำสัปดาห์
    – สต็อกน้ำมันดิบ ลดลง 4.3 ล้านบาร์เรล (ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีประมาณ 7%)
    – น้ำมันกลั่น เพิ่มขึั้น 670,000 บาร์เรลต่อวัน (กำลังการผลิตเพิ่ม 93.4%
    – นำเข้าน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 389,000 บาร์เรลต่อวัน
    – สต็อกน้ำมันสำเร็จรูป / เบนซินเพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรล /ดีเซลเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล เป็น 107.6 ล้านบาร์เรล
    – ความต้องการใช้นำมัน เบนซินลดลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • ลดลงของสต็อกน้ำมันดิบ ในขณะที่อุปทานคงตัว จะเป็นผลดีต่อราคาน้ำมัน แต่ สต็อกดีเซลและเบนซินที่เพิ่มขึ้น สะท้อนอุปสงค์(ความต้องการของลูกค้า)ที่อ่อนตัวลงเช่นกัน

by

Tags:

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *