Category: education
-
วิธีการหาจุดแนวรับแนวต้านที่มีประสิทธิภาพสำหรับมือใหม่
การเข้าใจ แนวรับแนวต้าน เป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์กราฟราคา โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเทรด หลักการของแนวรับแนวต้านสามารถช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดและตำแหน่งที่เหมาะสมในการเข้าและออกจากตลาด การเข้าใจแนวรับแนวต้านอย่างถูกต้องจะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดอีกด้วย แนวรับแนวต้านคืออะไร? แนวรับ (Support) คือระดับราคาที่ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะหยุดการลดลง เนื่องจากความต้องการ (Buyers) มากขึ้น เมื่อราคาลงมาถึงระดับแนวรับ ผู้ซื้อจะเริ่มเข้ามาซื้อสินทรัพย์ ส่งผลให้ราคายกขึ้น แนวต้าน (Resistance) คือระดับราคาที่ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะหยุดการเพิ่มขึ้น เนื่องจากการขาย (Sellers) มากขึ้น เมื่อราคาขึ้นมาถึงระดับแนวต้าน ผู้ขายจะเริ่มปล่อยสินทรัพย์ ส่งผลให้ราคาลดลง แนวรับแนวต้านเหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะช่วยบอกให้ทราบถึงทิศทางของตลาด และบอกให้รู้ถึงความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดในช่วงเวลาหนึ่งๆ ความสำคัญของแนวรับแนวต้านในการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นวิธีที่ใช้ข้อมูลจากราคาย้อนหลังในการพยากรณ์ทิศทางราคาที่จะเกิดขึ้น แนวรับและแนวต้านช่วยในการบอกสัญญาณเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน เมื่อนักเทรดเห็นแนวรับ แนวต้านในกราฟราคา พวกเขาสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนการซื้อขายเพื่อเข้าออกตลาดอย่างแม่นยำ ทำไมมือใหม่ควรรู้จักแนวรับแนวต้าน? มือใหม่ที่เริ่มเข้าสู่การเทรดต้องการเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ได้ง่ายขึ้น แนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ และยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมือใหม่ในการวิเคราะห์ทิศทางของตลาด เมื่อนักเทรดสามารถระบุจุดเหล่านี้ได้ พวกเขาก็สามารถใช้ประโยชน์จากการซื้อหรือขายที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร วิธีหาจุดแนวรับแนวต้านที่มีประสิทธิภาพ การหาจุดแนวรับและแนวต้านอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใช้ความแม่นยำและการฝึกฝน การวิเคราะห์เหล่านี้ต้องการการใช้เครื่องมือหลายประเภทที่ทำให้การตัดสินใจทางเทคนิคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ใช้เส้นกราฟและเครื่องมือวิเคราะห์ การใช้กราฟเป็นวิธีการเบื้องต้นในการระบุแนวรับแนวต้าน การดูกราฟแท่งเทียนหรือกราฟเส้นจะช่วยให้นักเทรดเห็นชัดเจนว่าราคามีการเคลื่อนไหวอย่างไร การวาดเส้นตรงบริเวณที่ราคามีการหยุดลงหรือเด้งกลับหลายครั้งจะแสดงถึงแนวรับและแนวต้านที่สำคัญได้ การวาดเส้นแนวรับแนวต้านบนกราฟราคาหุ้น เมื่อต้องการวาดเส้นแนวรับแนวต้าน นักเทรดจะดูว่าราคามีการหยุดหรือตีกลับที่ระดับใดมากที่สุด โดยเลือกใช้จุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดที่ราคาวิ่งมาถึง การวาดเส้นแนวรับจะเริ่มจากจุดต่ำสุดที่ราคาหยุดและกลับขึ้น ส่วนเส้นแนวต้านจะวาดจากจุดสูงสุดที่ราคาหยุดและกลับลง…
-
แนวโน้มราคา GBPUSD ปี 2024: วิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทาง
ค่าเงินปอนด์อังกฤษเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (GBPUSD) นับเป็นหนึ่งในคู่เงินสำคัญในตลาดการเงินโลก การเคลื่อนไหวของ GBPUSD ในปี 2024 มีแนวโน้มที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจทั่วโลก นโยบายการเงิน และเหตุการณ์สำคัญที่อาจเกิดขึ้นในทั้งสองประเทศนี้มีผลต่อการคาดการณ์ในอนาคต การวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มราคา GBP/USD เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เข้าใจถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของคู่เงินนี้ ความสำคัญของ GBPUSD ในตลาดการเงินโลก คู่เงิน GBP/USD ถือว่าเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดสองประเทศในโลก นั่นคือ สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวของ GBP/USD มักจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในทั้งสองประเทศ นักลงทุนในตลาดเงิน Forex มักจะพิจารณาคู่เงินนี้เป็นตัวเลือกสำคัญในการเก็งกำไรและการลงทุนระยะยาว การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงิน การขึ้นลงของอัตราดอกเบี้ย การเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการพัฒนาทางการค้าและการเมืองโลก ล้วนมีผลกระทบต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของ GBP/USD การทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อ GBPUSD ในปี 2024 ในปี 2024 มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงิน GBP/USD ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศและปัจจัยภายนอก นโยบายการเงินของธนาคารกลางในทั้งสองประเทศจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวโน้มและทิศทางของค่าเงิน นโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของค่าเงินปอนด์ การประกาศนโยบายการเงินต่างๆ เช่น การปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินในระดับที่มีนัยสำคัญ การปรับอัตราดอกเบี้ยและการส่งผลต่อ…
-
เทรด Forex Divergence มีข้อดีอะไรบ้าง
การเทรด Forex นั้นเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มนักลงทุน และหนึ่งในกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้บ่อยๆ ก็คือการใช้ Divergence หรือสัญญาณการกลับตัวที่ซ่อนอยู่ในการเคลื่อนไหวของราคากับอินดิเคเตอร์ หากคุณเคยสงสัยว่าเทคนิคนี้มีข้อดีอะไรบ้าง หรือมันสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของคุณได้จริงหรือไม่ วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงประโยชน์ที่คุณสามารถได้รับจากการใช้ Divergence ในการเทรด Divergence คืออะไรในโลกการเทรด Divergence หรือ “ดีเวอร์เจนซ์” หมายถึงสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่สวนทางกับอินดิเคเตอร์ เช่น RSI, MACD หรือ Momentum Indicator โดยปกติแล้ว Divergence จะเกิดขึ้นเมื่อราคายังขึ้นหรือลงต่อไป แต่กราฟอินดิเคเตอร์แสดงถึงการสูญเสียโมเมนตัม ซึ่งอาจเป็นสัญญาณให้ระวังว่าราคาอาจจะกลับทิศทางในไม่ช้า ประเภทของ Divergence Divergence มี 2 ประเภทหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งได้แก่: 1. Regular Divergence Regular Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่หรือต่ำสุดใหม่ แต่กราฟอินดิเคเตอร์ไม่ได้ทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดตาม การเกิด Regular Divergence บ่งบอกว่าราคามีโอกาสกลับตัวจากแนวโน้มปัจจุบัน 2. Hidden Divergence Hidden Divergence เกิดขึ้นในขณะที่ราคาทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดที่ต่ำกว่าเดิม แต่กราฟอินดิเคเตอร์กลับแสดงสัญญาณตรงกันข้าม สัญญาณนี้มักใช้เพื่อบ่งบอกถึงการยืนยันแนวโน้มเดิมของตลาด…
-
วิธีเทรดข่าว Forex โดยใช้ Forex Factory
การเทรด Forex ไม่ใช่แค่การวิเคราะห์กราฟ แต่การติดตามข่าวเศรษฐกิจก็สำคัญมากเช่นกัน หนึ่งในเครื่องมือที่นักเทรดมืออาชีพนิยมใช้ในการติดตามข่าวคือ Forex Factory เพราะมันช่วยให้นักเทรดรู้ทันเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อตลาดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย มาดูกันว่า ฟอเร็กซ์ แฟคตอรี่ คืออะไรและจะใช้มันในการเทรดข่าวได้อย่างไรบ้าง Forex Factory คืออะไร? ฟอเร็กซ์ แฟคตอรี่ เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมข่าวเศรษฐกิจจากทั่วโลก รวมถึงปฏิทินเศรษฐกิจที่ช่วยให้นักเทรดติดตามข่าวสำคัญที่มีผลต่อตลาด Forex ได้ง่าย ๆ ข้อมูลข่าวเหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถเตรียมตัวและวางแผนการเทรดได้ดีขึ้น ทำไม Forex Factory ถึงเป็นเครื่องมือสำคัญ ฟอเร็กซ์ แฟคตอรี่ ไม่ได้เป็นแค่เว็บไซต์ข่าวทั่วไป แต่มีปฏิทินข่าวที่อัพเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้นักเทรดรู้ว่าข่าวอะไรจะออกมาเมื่อไหร่และมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหนต่อคู่เงินที่คุณกำลังเทรด นอกจากนี้ยังมีบทวิเคราะห์และฟอรั่มที่นักเทรดสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ด้วย วิธีใช้ปฏิทินข่าวใน ฟอเร็กซ์ แฟคตอรี่ การตั้งค่าปฏิทินข่าวให้เหมาะสม เมื่อเข้าไปที่ ฟอเร็กซ์ แฟคตอรี่ นักเทรดสามารถตั้งค่าปฏิทินให้แสดงเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับคู่เงินที่ต้องการเทรด เช่น EURUSD หรือ GBPUSD การตั้งค่านี้จะช่วยกรองข่าวที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้คุณโฟกัสเฉพาะข่าวที่สำคัญต่อการเทรดของคุณ การอ่านปฏิทินข่าวอย่างถูกต้อง ในปฏิทินข่าวของ ฟอเร็กซ์ แฟคตอรี่ จะมีการจัดอันดับข่าวตามผลกระทบต่อคู่เงิน ข่าวที่มีผลกระทบสูงจะถูกไฮไลต์เป็นสีแดง ข่าวที่มีผลปานกลางเป็นสีส้ม และข่าวที่มีผลน้อยเป็นสีเหลือง…
-
บทเรียนการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย TradingView
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับนักเทรดในการตัดสินใจซื้อขายอย่างมีเหตุผล และหนึ่งในแพลตฟอร์มยอดนิยมที่นักเทรดมือใหม่และมืออาชีพใช้คือ TradingView ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ เทรดดิ้งวิว และวิธีการใช้งานเพื่อวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างละเอียด ทำไมต้องใช้ TradingView ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค? เทรดดิ้งวิว นำเสนอเครื่องมือและฟีเจอร์ที่หลากหลายในการวิเคราะห์กราฟ ที่สำคัญคือความง่ายในการใช้งานและการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่ช่วยให้นักเทรดสามารถทำการวิเคราะห์ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นผ่านคอมพิวเตอร์หรือมือถือ การสมัครและใช้งาน TradingView สำหรับมือใหม่ สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยใช้งาน Trading View ไม่ต้องกังวล เรามีขั้นตอนง่ายๆ สำหรับการเริ่มต้นดังนี้ วิธีการสมัครบัญชี เทรดดิ้งวิว ขั้นตอนการสมัครไม่ซับซ้อน เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ของ เทรดดิ้งวิว แล้วคลิก “Sign Up” กรอกข้อมูลที่จำเป็นและยืนยันบัญชีผ่านอีเมล จากนั้นคุณสามารถเข้าถึงเครื่องมือฟรีต่างๆ ได้ทันที การตั้งค่าพื้นฐานสำหรับการเริ่มต้น เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว คุณสามารถปรับแต่งหน้าจอการเทรดตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตลาดที่คุณสนใจ การเลือกกรอบเวลา และการเลือกประเภทกราฟ เช่น กราฟเส้นหรือกราฟแท่งเทียน เครื่องมือสำคัญใน TradingView ที่นักเทรดต้องรู้ Trading View มาพร้อมกับเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์ตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น กราฟราคา (Price Chart) กราฟราคาเป็นหัวใจหลักของการวิเคราะห์ทางเทคนิค นักเทรดสามารถเลือกกรอบเวลาตั้งแต่กราฟนาทีถึงกราฟรายเดือน เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มระยะสั้นหรือยาว…
-
การวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคคู่เงิน USDJPY อย่างละเอียด
คู่เงิน USDJPY เป็นหนึ่งในคู่เงินที่มีความนิยมสูงสุดในการเทรด เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและมักเคลื่อนไหวตามปัจจัยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และญี่ปุ่น การวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคจึงเป็นวิธีที่นักเทรดใช้เพื่อระบุแนวโน้มและจุดเข้าออกที่เหมาะสม ในบทความนี้ เราจะมาดูรายละเอียดการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคสำหรับคู่เงิน USD/JPY พร้อมกับเครื่องมือที่สำคัญที่ใช้ในการวิเคราะห์ ความสำคัญของการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคในการเทรดคู่เงิน USDJPY การวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคช่วยให้นักเทรดสามารถมองเห็นแนวโน้มและจังหวะการเคลื่อนไหวของราคาได้ชัดเจนขึ้น เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจซื้อขายอย่างแม่นยำและลดความเสี่ยงในการเทรด ทำไมต้องเทรดคู่เงิน USD/JPY? คู่เงิน USD/JPY มีการเคลื่อนไหวที่แน่นอนตามปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเทรดที่ต้องการทำกำไรจากความผันผวน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ USD/JPY ปัจจัยหลักที่มีผลต่อคู่เงิน USD/JPY คืออัตราดอกเบี้ย การส่งออกของญี่ปุ่น การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบายทางการเงิน การทำความเข้าใจกับพื้นฐานของการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค ก่อนที่จะเริ่มการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค ควรทำความเข้าใจพื้นฐานการวิเคราะห์กราฟเพื่อให้สามารถอ่านและตีความสัญญาณที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ การอ่านกราฟแท่งเทียน กราฟแท่งเทียนเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักเทรดเห็นภาพการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจน โดยแท่งเทียนแต่ละแท่งแสดงถึงราคาสูงสุด ต่ำสุด เปิด และปิดในช่วงเวลาหนึ่ง การตีความกราฟแท่งเทียนจะช่วยให้เราหาจุดเข้าและออกที่เหมาะสม การใช้แนวรับและแนวต้าน แนวรับและแนวต้านเป็นเส้นที่บอกถึงระดับราคาที่มีโอกาสเกิดการกลับตัว แนวรับคือจุดที่ราคามีโอกาสหยุดการปรับตัวลง และแนวต้านคือจุดที่ราคามีโอกาสหยุดการปรับตัวขึ้น การใช้แนวรับและแนวต้านช่วยให้นักเทรดคาดการณ์จุดเข้าออกได้แม่นยำยิ่งขึ้น เครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟ USDJPY มีเครื่องมือหลายอย่างที่นักเทรดใช้ในการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคของคู่เงิน USD/JPY ซึ่งเราจะมาแนะนำเครื่องมือหลักๆ ที่นิยมใช้กัน Moving…
-
ความสำคัญของ Stochastic Oscillator ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
Stochastic Oscillator เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนและนักเทรด เครื่องมือนี้มีความสามารถในการระบุสัญญาณการซื้อและขายอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ สโตแคสติก ออสซิลเลเตอร์ ในเชิงลึก ทั้งประวัติความเป็นมา การทำงาน และการนำไปใช้ในกลยุทธ์การเทรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ตลาด Stochastic Oscillator คืออะไร? Stochastic เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความแข็งแกร่งและความเร็วของแนวโน้มราคา โดยใช้การเปรียบเทียบระหว่างราคาปิดปัจจุบันกับช่วงราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการหาจุดกลับตัวของราคาในตลาดที่ผันผวน ประวัติและที่มาของ Stochastic Oscillator เครื่องมือนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Dr. George Lane ในปี 1950 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวิเคราะห์การกลับตัวของแนวโน้มราคา Dr. Lane เชื่อว่าราคามักจะปิดใกล้กับจุดสูงสุดในตลาดขาขึ้นและใกล้กับจุดต่ำสุดในตลาดขาลง Stochastic จึงถูกออกแบบมาเพื่อติดตามพฤติกรรมเหล่านี้ แนวคิดพื้นฐานของ สโตแคสติก ออสซิลเลเตอร์ หลักการของ สโตแคสติก ออสซิลเลเตอร์ คือการใช้เส้นสองเส้น คือ %K และ %D เพื่อติดตามแนวโน้มของราคา เส้น %K เป็นเส้นที่มีการเคลื่อนไหวเร็ว ในขณะที่ %D เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของ %K ซึ่งช่วยในการยืนยันสัญญาณการซื้อขาย…
-
วิธีใช้ Relative Strength Index (RSI) ในการเทรดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
Relative Strength Index หรือ RSI เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากสำหรับการเทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ และคริปโต เพราะมีความสามารถในการบอกจุดที่ซื้อหรือขายเกินไป ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีการใช้ RSI อย่างมีประสิทธิภาพในการเทรดและกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานเครื่องมือนี้ Relative Strength Index RSI คืออะไร? RSI คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้วัดความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของราคาสินทรัพย์ โดยดูจากการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด ค่า RSI จะแสดงในรูปแบบตัวเลขระหว่าง 0-100 ซึ่งบ่งบอกถึงความแรงในการซื้อหรือขาย ประวัติและแนวคิดเบื้องหลัง RSI RSI ถูกพัฒนาโดยนักวิเคราะห์ชื่อ J. Welles Wilder ในปี 1978 โดยมีแนวคิดพื้นฐานคือการใช้ค่าความผันผวนของราคาในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาต่อไป ทำให้ RSI กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์ตลาด องค์ประกอบของ RSI RSI ประกอบด้วยองค์ประกอบหลักๆ คือค่าเฉลี่ยของช่วงราคาที่เพิ่มขึ้นและลดลงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งนักเทรดมักใช้ค่ามาตรฐานที่ 14 วันในการคำนวณ RSI เพื่อดูความแข็งแกร่งของแนวโน้ม การคำนวณ RSI แม้ว่าเครื่องมือวิเคราะห์หลายๆ ตัวจะคำนวณ RSI…
-
วิธีอ่านสัญญาณซื้อขายจาก Bollinger Bands
Bollinger Bands เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมจากนักเทรดทั่วโลก เพราะสามารถช่วยในการคาดการณ์แนวโน้มของราคาสินทรัพย์และบอกถึงระดับราคาที่เป็นไปได้ว่าจะซื้อหรือขายได้อย่างแม่นยำ ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า โบลินเจอร์แบนด์ คืออะไร และวิธีการอ่านสัญญาณซื้อขายจากเครื่องมือนี้อย่างถูกต้อง Bollinger Bands คืออะไร? BollingerBands เป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นโดย John Bollinger ในปี 1980 โดยเป็นการรวมการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) กับค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เพื่อช่วยระบุระดับราคาที่มีความเป็นไปได้ในการกลับตัวหรือแนวโน้มใหม่ ประวัติความเป็นมาของ Bollinger Bands John Bollinger นักวิเคราะห์ทางเทคนิคชื่อดัง ได้พัฒนาเครื่องมือนี้เพื่อตอบโจทย์การเทรดในตลาดที่มีความผันผวนสูง BollingerBands ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายและถูกใช้ในหลากหลายตลาด ทั้งหุ้น สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ องค์ประกอบของ Bollinger Bands BollingerBands ประกอบด้วยเส้นสามเส้นหลัก ได้แก่ เส้นกลาง (Moving Average) เส้นบน (Upper Band) และเส้นล่าง (Lower Band) โดย Upper และ…
-
การใช้ Moving Average หรือ Indicator EMA ประกอบการเทรด มีแนวทางอย่างไรบ้างแนะนำวิธีการใช้
การเทรดในตลาดการเงินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งการใช้เครื่องมืออย่าง MovingAverage (MA) โดยเฉพาะ Exponential Moving Average (EMA) เข้ามาช่วยถือว่าเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการวิเคราะห์ราคาอย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการใช้ MA และ EMA ประกอบการเทรด พร้อมทั้งแนวทางการใช้อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้ในการเทรดของตัวเองได้ทันที Moving Average คืออะไร? ความหมายของ Moving Average Moving Average (MA) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นทิศทางของแนวโน้มราคาในอดีต โดยค่าเฉลี่ยจะถูกคำนวณจากราคาของสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่งๆ และนำมาใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มของราคาในอนาคต ทำไม MovingAverage ถึงเป็น Indicator ที่นิยมใช้ เหตุผลที่ MA เป็นที่นิยมใช้ในการเทรด เพราะมันช่วยทำให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นแนวโน้มของตลาดได้ง่ายขึ้น ช่วยลดความสับสนในเรื่องของการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงสั้นๆ ประเภทของ Moving Average Simple Moving Average หรือ (SMA) SMA คือการคำนวณค่าเฉลี่ยจากราคาของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด โดย SMA มีความเรียบง่ายและเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเทรดเนื่องจากไม่ซับซ้อน Exponential Moving Average…