Day วานนี้ราคาน้ำมันปิดร่วงลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน หลังนักลงทุนประเมิน ข้อตกลงสันติภาพ รัสเซีย-ยูเครน อาจใกล้ยุติหลังยูเครนถอดใจอาจจะไม่เข้าร่วมนาโต้ นอกจากนี้ความกังวลในเรื่องอุปทานน้ำมันที่คาดว่าจะมากขึ้น ในปี 2026 เป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจจีน(ในฐานะลุกค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก) ที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งส่งผลให้แรงขายยังคงมีต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้ ปิดท้ายแท่งรายวัน Bearish Marubozo
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 56.82 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 1.08%
ยูเครนพร้อมสละความหวังในการเข้าร่วมนาโต้ หากมีหลักประกันสันติภาพจากสหรัฐ,ยุโรป และพันธมิตรจะไม่มีการรุกรานจากรัสเซียอีกต่อไป ... ปัจัจยกดดันน้ำมัน
- 15 ธ.ค. เซเลนสกี้ ประกาศ “ยูเครนพร้อมสละเป้าหมายเข้าร่วม NATO หากแลกกับการได้รับ “หลักประกันความมั่นคงจากสหรัฐฯ ยุโรป และพันธมิตรอื่นๆ ทั้งแคนาดา และญี่ปุน” เพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย หลังการเจรจาร่วมกับ สตีฟ วิตคอฟฟ์ และ จาเร็ด คุชเนอร์ ผู้แทนพิเศษทรัมป์ ณ กรุงเบลิน
- เซเลนสกี้กล่าวว่า หลักประกันความมั่นคงที่ยอมรับได้ จะต้องมีลักษณะ “เหมือนมาตรา 5” ที่พันธมิตรจะให้การตอบโต้หากยูเครนถูกโจมตีอีก “แม้ไม่ใช่สมาชิก NATO โดยตรงการโจมตีประเทศใดประเทศหนึ่่งของสมาชิกนาโต้ ถือเป็นการโจมตีทุกประเทศ ” / ทั้งนี้เดิมโอกาสในความเป็นจริงของการที่ยูเครนจะเป็นสมาชิกนาโต้นั้นแทบจะไม่มี เนื่องจากถูกคัดค้านจากสมาชิกหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สโลวาเกีย ฮังการี ซึ่งกลัวว่าหากรับยุเครนเข้ามาจะเป็นการยั่วยุรัสเซีย
- หลังจาการเจรจาที่เบอริล คณะผู้แทนสหรัฐฯ ยูเครน และพันธมิตรยุโรปได้หารือกันอย่างเข้มข้น ซึ่งรวมถึงการพูดคุยเกี่ยวกับ แผนสันติภาพ 20 ข้อ และวาระทางเศรษฐกิจ รายละเอียดข้อแผนทั้ง 20 ข้อยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการต่อสาธารณะทั้งหมด โดยสื่อรายงานเฉพาะภาพรวม โดยเฉพาะ ข้อเสนอให้ยูเครนถอนกองกำลัง หรือ โซนปลอดทหารใน Donbas
- สหรัฐ ระบุว่าจะเสนอ หลักประกันความมั่นคงแก่ยูเครน, ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสก่อน
- ผู้นำยุโรปพร้อมจับมือกันจัดตั้งกองกำลังหลายชาติและสนับสนุนข้อเสนอด้านความมั่นคง แต่ยังมีความเห็นไม่เป็นเอกฉันท์และต้องประสานกับ NATO, EU
- รัสเซียยังคงยืนยันจุดยืนของตนเอง และยังไม่ได้ตอบรับต่อข้อเสนอแผน 20 ข้อนี้อย่างเป็นทางการ
- สถานะการณ์พื้นที่รบ :
– 16 ธ.ค. มีรายงาน การโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธโดยรัสเซียต่อยูเครนอย่างต่อเนื่อง, ทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและบางพื้นที่ มีเสียชีวิต 3 ราย หยื่อจากการโจมตีโดรนรัสเซียในพื้นที่ Sumy ของยูเครน ซึ่งเป็นตัวอย่างของการปะทะที่ยังดำเนินอยู่
– 16 ธ.ค. ยูเครนเปิดเผยว่าทำลายเรือดำน้ำรัสเซียในท่าเรือ Novorossiysk โดยใช้โดรนใต้น้ำ แม้รัสเซียจะปฏิเสธความเสียหาย การเคลื่อนไหวนี้ถูกนำเสนอว่าเป็นความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ของยูเครน
การจ้างงาน และการบริโภคในจีน ยังคงชะลอตัว … ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
- ตัวเลข การผลิตในเดือนพ.ย. 2025 ชะลอลง จากการเติบโตของการผลิตภาคอุตสาหกรรม (industrial output) ที่ต่ำกว่าคาดและ Retail Sales ที่เติบโตเพียงเล็กน้อย เป็นตัวบ่งชี้ว่ากำลังซื้อภายในเริ่มอ่อนแอ
- จีนกำลังเผชิญแรงกดดันด้านตลาดแรงงานจาก การชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และโครงสร้างประชากรที่ “ผู้สูงอายุเพิ่ม หลักแรงงานลดลง” ซึ่งเป็นปัจจัยระยะกลาง–ยาวที่อาจทำให้ตลาดแรงงานอ่อนตัวลง
- แม้จะมีมาตรการกระตุ้นการจ้างงานและการเติบโตของรายได้, ตัวเลขเช่น Retail Sales ที่ชะลอลงเป็นสัญญาณว่าการใช้จ่ายยังไม่ฟื้นตัวแรง Retail Sale y/y พ.ย. =1.3%(เดือน ต.ค 2.9%)
- 16 ธ.ค. State Administration for Market Regulation สำนักงานกำกับดูแลตลาดแห่งรัฐของจีน ประกาศ ห้ามให้ผู้ผลิต ตั้งตาคารถยนต์ต่ำกว่ต้นทุนการผลิต และสกัดไม่ให้ ดิลเลอร์เสนอส่วนลดหรือเงินคืนให้ลูกค้า ที่จะทำให้ราคารถ ลดลงต่ำกว่าทุน นอกจากนี้ยังออกมาตรการจำกัดการให้ส่วนลดรถยนต์ชุดใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้ บริษัทผู้ผลิตได้รับผลกระทบ ทั้งขาดสภาพคล่องและอาจนำมาสู่การลดกำลังการผลิต
สหภาพยุโรป (EU) ประกาศ มาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 19 ต่อรัสเซีย
- 15 ธ.ค. สหภาพยุโรป (EU) ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ ต่อผลประโยชน์ด้านน้ำมันของรัสเซีย โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ค้า 2 ราย ได้แก่
– เมอร์ทาซา ลาคานี (Murtaza Lakhani) และ
– เอติบาร์ อัยยูบ (Etibar Eyyub) - ซึ่งมีการะบุว่า ผู้ค้า 2 ราย เป็น ผู้ค้า และ มีบทบาทจัดโครงสร้างการค้า การเงิน และโลจิสติกส์ ที่ช่วยให้รัสเซีย ขายน้ำมันนอกกรอบการคว่ำบาตรตะวันตก
- มาตราการคว่ำบาตรที่ระบุตัวตนชัดเจน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีการห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย กำหนด Price Cap (G7) และคว่ำบาตรบริษัทพลังงานรัสเซีย ซึ่งทางรัสเซียสามารถปรับตัวได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขายน้ำมันให้จีนและอินเดีย (โดยให้ส่วนลดสูง และยอม Margin ต่ำเพื่อให้ได้เงินสด) นอกจากนี้ยังมีการใช้ กองเรือเงา Shadow Fleet ไม่ว่าจะเป็นการใช้เรือเก่า มาเปลี่ยนชื่อและธง และไม่ใช้ประกันเรือจากชาติตะวันตก ตลอดจนปลอมข้อมูลเส้นทาง
ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลงล้นตลาด + ข้อมูล EIA Report 2026 สะท้อนอุปทานล้นตลาด …ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน
- IEA คาดการณ์อุปทานเกินความต้องการในปีหน้า
รายงานของ International Energy Agency (IEA) ระบุว่าในปี 2026 อุปทานจะมากกว่าความต้องการถึงประมาณ 3.84 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปริมาณเกินกว่า nearly 4% ของความต้องการทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวเลขที่สร้างความกังวลในตลาดมาก - ตัวเลขสำรองน้ำมันดิบ (Inventories) เพิ่มขึ้น
ผู้ค้าระบุว่าคลังน้ำมันทั่วโลกยังมีปริมาณสำรองสูง ส่งผลให้ตลาดรู้สึกว่ามีน้ำมัน “ล้น” เกินกว่าความต้องการทันที ทำให้ราคาปรับลดลง แม้จะมีเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์เกิดขึ้นก็ตาม - การผลิตจากหลายแหล่งยังแข็งแกร่ง
แม้ OPEC+ จะพยายามควบคุมการผลิต แต่การผลิตน้ำมันจาก สหรัฐอเมริกา (oil shale) และผู้ผลิตนอก OPEC เช่น บราซิล, กายอานา, อาร์เจนตินา ที่เพิ่มขึ้น ก็ช่วยผลักดันอุปทานให้สูงต่อเนื่อง ทำให้มีแรงขายสะสมในตลาด - แนวโน้มกำลังผลิตและตลาดรอการตัดสินใจ
OPEC+ รายงานว่าคาดการณ์การผลิตและอุปสงค์ในปี 2026 จะใกล้เคียงกัน แต่ตลาดโดยรวมยังกังวลเนื่องจากแนวโน้มการผลิตอาจเพิ่มถ้าราคาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงขายและความกลัวอุปทานล้นตลาด
H4/H1 โครงสร้างเทรดน์ขาลง H4 วานนี้ราคาร่วงลงแรงทะลุแนวรับที่ให้ไว้ มาอยูระดับแนวรับ 56.274 ซึ่งตรงกับแนวรับ DAY
คำแนะนำ
- เปิดสถานะขาย(รอสัญญาณขาย) กรอบ 56.779-57.037 / SL 57.500 เพือทำกำไร ที่ 56.726/56.508/53.373/56.155/56.000
แนวรับ 56.274/55.679/55.087
แนวต้าน 57.031/57.991/58.624

ปฎิทินข่าว 16 ธ.ค.2568

บทวิเคราะห์ข่าว
- ติดตามตัวเลข Non-Farm (การจ้างงานนอกภาคการเกษตร) ควบคู่กับอัตราการว่างงาน หลังจากที่มีการเว้นการประกาศในช่วง Government Shutdown ซึ่งหากการจ้างงานน้อย (ใกล้เคียงคาดการณ์) และ อัตราการว่างงาน มากกว่าประกาศครั้งก่อน เป็นปัจจัยกดดัน USD ปัจจัยบวกต่อ น้ำมัน(ในฐานะสินทรัพย์จับคู่)
- ติดตาม ดัชนีผุ้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ทั้งภาคการผลิต และ ภาคบริการ หากตัวเลข ตำว่า เดือนที่ผ่านมา เป็นปัจจัยกดดัน USD และกดดัน ราคาน้ำมันเช่นกัน และความรุนแรงมากหากต่ำกว่า 50

Leave a Reply