ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐขยับลง 1.04 ดอลลาร์ สู่ 2,033.18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ในขณะที่ราคาทองได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ในขณะที่นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปี ซึ่งมักจะปรับตัวตามการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย ปรับขึ้น 0.034% สู่ 4.456% ในวันพฤหัสบดี ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับขึ้นจาก 4.108% ในช่วงท้ายวันพุธ สู่ 4.170% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ในวันพฤหัสบดีว่า มีโอกาส 18.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลง 0.5% จากวันพุธ และดิ่งลงอย่างรุนแรงจากโอกาส 36.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์กันอีกด้วยว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกัน 1.15% ในปีนี้ หลังจากที่เคยคาดไว้ในสัปดาห์ที่แล้วว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกัน 1.40% ในปีนี้
- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่ว่า ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางจะขยายวงกว้างออกไป หลังจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงจากกลุ่มฮามาส และกองทัพอิสราเอลทิ้งระเบิดใส่เมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองพรมแดนทางตอนใต้ในเขตฉนวนกาซา ทางด้านผู้แทนของกลุ่มฮามาสได้เดินทางมาถึงกรุงไคโรในวันพฤหัสบดีเพื่อหารือเรื่องการหยุดยิงกับอียิปต์และกาตาร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจา ทั้งนี้ รัสเซียอาจจะส่งออกน้ำมันดิบในเดือนก.พ.ในปริมาณที่มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และรัสเซียอาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการจำกัดการส่งออกน้ำมันภายใต้ข้อตกลงของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร เพราะว่าโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีด้วยโดรนของยูเครน และรัสเซียประสบเหตุขัดข้องทางเทคนิคด้วย โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบที่ไม่ได้รับการกลั่นในรัสเซียพุ่งสูงขึ้น และรัสเซียก็ยังคงมีความสามารถไม่มากนักในการกลั่นน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมี.ค.ทะยานขึ้น 2.36 ดอลลาร์ หรือ 3.2% มาปิดตลาดที่ 76.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 2.42 ดอลลาร์ หรือ 3% มาปิดตลาดที่ 81.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล - ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลง 9,000 ราย สู่ 218,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 220,000 ราย โดยรายงานตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี และสิ่งนี้ช่วยตอกย้ำสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ ที่บ่งชี้ว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้ นายเธียรี วิซแมน นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินและอัตราดอกเบี้ยของบริษัทแมคควารีกล่าวว่า สหรัฐยังคงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดออกมาในช่วงนี้ ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ไม่ได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดออกมาในระดับที่มากพอ และเขากล่าวเสริมว่า “ในการที่ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงได้นั้น ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นจะต้องลดระดับความแข็งแกร่งลง และตัวเลขเศรษฐกิจจีนกับยุโรปจะต้องปรับตัวดีขึ้น แต่เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่า จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นเมื่อใด”
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.13 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 104.03 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ 104.43ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 149.31 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 148.18 เยน หลังจากทะยานขึ้นแตะ 149.48 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. หรือจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0776 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยขยับขึ้นจาก 1.0771 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 1.0740 ดอลลาร์ - World News | Latest Top Stories | Reuters
Leave a Reply