ราคา Gold ทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 11.70 ดอลลาร์ สู่ 2,004.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับลง และปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย และการอ่อนค่าของดอลลาร์ก็ช่วยให้ทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับลงจาก 4.267% ในช่วงท้ายวันพุธ สู่ 4.240% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์นี้ และนักลงทุนรอฟังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงต่อไปในสัปดาห์นี้ด้วย
- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกที่อ่อนแอเกินคาด โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ส่งผลให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ นอกจากนี้ ตัวเลขยอดค้าปลีกที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาดในสหรัฐก็ช่วยกระตุ้นการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ด้วย และปัจจัยนี้อาจจะส่งผลบวกต่ออุปสงค์น้ำมัน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในวันพฤหัสบดีด้วยเช่นกัน หลังจากองค์การพลังงานระหว่างประเทศ รายงานในวันพฤหัสบดีว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพียง 1.22 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2024 โดยปรับลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ +1.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ IEA ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจพุ่งขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยปรับเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ +1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมี.ค.ทะยานขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 1.8% มาปิดตลาดที่ 78.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.5% มาปิดตลาดที่ 82.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล - ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินร่วงลงในวันพฤหัสบดีเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ไร้ทิศทางชัดเจนในวันพฤหัสบดี และนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. โดยในตอนนี้นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่า มีโอกาส 83% ที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. และคาดว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3-4 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดลงจากที่เคยคาดไว้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 5 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐดิ่งลง 0.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2023 โดยมีแนวโน้มว่าได้รับแรงกดดันจากพายุฤดูหนาว ในขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดว่า ยอดค้าปลีกอาจขยับลงเพียง 0.1% ในเดือนม.ค. โดยก่อนหน้านี้ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. และทรงตัวในเดือนพ.ย.
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.26 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 104.68 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 149.91 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 150.55 เยนยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0771 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0725 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ - ตลาดหุ้นสหรัฐบวกขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐดิ่งลง 0.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2023 โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของยอดขายในบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และปั๊มน้ำมันเบนซิน ในขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดค้าปลีกอาจขยับลงเพียง 0.1% ในเดือนม.ค. โดยรายงานตัวเลขนี้ช่วยกระตุ้นความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ ทางด้านนักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 40% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. และมีโอกาสราว 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค, หุ้นกลุ่มวัสดุ และหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี ส่วนดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐทะยานขึ้น 2.3% ในวันพฤหัสบดี ทางด้านหุ้นบริษัท CBRE Group พุ่งขึ้น 8.5% หลังจากทางบริษัทคาดการณ์ผลกำไรรายปีที่สูงเกินคาด และปัจจัยนี้มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐให้พุ่งขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทแอลฟาเบทดิ่งลง 2.17% หลังจากบริษัทเธิร์ด พอยท์ขายหุ้นแอลฟาเบททั้งหมดที่เคยถือครองไว้ ส่วนหุ้นบริษัทแอปเปิลปรับลง 0.1% หลังจากบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ระบุว่า ทางบริษัทได้ขายหุ้นบริษัทแอปเปิลเป็นจำนวน 10 ล้านหุ้นในไตรมาส 4/2023 แต่เบิร์คเชียร์ยังคงถือครองหุ้นแอปเปิลเป็นจำนวนสูงกว่า 905 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมกันได้ราว 1.74 แสนล้านดอลลาร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 0.91% สู่ 38,773.12ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.58% สู่ 5,029.73ดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.30% สู่ 15,906.17 - https://www.reuters.com/
Leave a Reply